Page 150 - มรรควิถี
P. 150

136
หรือไมชอบก็ตาม ประโยชนหรือสิ่งที่ดีอยางหนึ่งที่เราสามารถกําหนดรู อาการเกิดดับของอารมณตาง ๆ ไดก็คือ บางครั้งเสียงที่เกิดขึ้นเปนเสียง ที่ไมพึงประสงค หรือเสียงที่เราไมอยากฟง เสียงที่เราไมชอบ อยางเชน ขณะที่เรานั่งอยูและมีเสียงรบกวน ไมวาจะเปนเสียงรถ เสียงคนพูด เสียง อะไรก็ตาม จัดไดเปนเสียงเทานั้นเอง หนึ่ง.. เรากําหนดรูแควาเขาเปนเสียง สอง.. เอาจิตเขาไปกําหนดรูวาเสียงที่เกิดขึ้นมันตั้งอยูตลอดหรือวามีแลว หมด มีแลวดับ มีแลวหายไป หรือวาแวบหมด แวบหมดตรงนั้น เขาไปรู อาการเกิดดับของเสียง เมื่อเขาไปรูการเกิดดับอยางเดียวจิตก็จะไมรําคาญ คือมีตัวฉันทะ มีความพอใจที่จะกําหนดรู ความรําคาญไมเกิดขึ้นนะ ขณะที่พอใจที่จะกําหนดรู สติก็จะมั่นคง สติก็จะดีนะ แคพอใจคือมี ตัวฉันทะเขาไป พอใจที่จะกําหนดรูถึงการเกิดดับการเปลี่ยนแปลง เมื่อไหรที่พอใจที่จะกําหนดรู จิตก็จะสงบไดเอง
ความคิดก็เชนกัน เวลาเรานั่งปฏิบัติ หรือวาเมื่อไหรที่ไมตองการ ใหความคิดเกิดขึ้น แตวามีความคิดรบกวนเยอะแยะมากมาย เราไม สามารถละความคิดหรือดับความคิดได ใหนั่งเฉย ๆ ใหนิ่ง ๆ กอน นิ่ง ๆ ดูความคิด ดูมัน ดูความคิดไปเรื่อย ๆ วิธีดูอยางหนึ่งก็คืออยากใหดับเร็ว อยากใหเขาหยุดเร็ว ใหสังเกตวาความคิดกับใจเราเปนสวนเดียวกัน หรือคนละสวนไมพนจากการแยกรูปแยกนาม หรือแยกนามกับนามนั่นเอง เมื่อไหรที่แยกออก เราก็จะนิ่ง นิ่งดูความคิด เมื่อนิ่งดูความคิด ตองเพิ่ม เจตนาเขาไปดวย อยางที่เคยบอกแลววาตองมีเจตนาที่จะรูวา ความคิด ที่เกิดขึ้นเกิดแลวดับอยางไร
อันนี้เรายอนไปหาคําสอนของพระพุทธเจาตรงที่บอกวา สังขาร ทั้งหลายทั้งปวงไมเที่ยง สังขารทั้งหลายทั้งปวงเปนทุกข ธรรมทั้งหลาย ทั้งปวงเปนอนัตตา ความคิดก็จัดเปนสังขารอยางหนึ่ง จัดเปนธรรมอยาง หนึ่ง เพราะฉะนั้นสภาวะเหลานี้จัดเปนขันธอยางหนึ่ง สภาวะตาง ๆ


































































































   148   149   150   151   152