Page 186 - มรรควิถี
P. 186

172
ไมวาจะเปนทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็เขาไปสูใจ เพราะใจเปนผูทําหนาที่ รับรู ใจทําหนาที่รับรู ทําหนาที่ปรุงแตง และทําหนาที่สั่งใหการกระทําทาง กายเกิดขึ้น อยางเชนเวลาเราไดยินเสียงที่ไมเพราะ ไมชอบ เราก็จะรูสึกมี ความทุกขขึ้นมา ไมชอบก็จะรูสึกหนัก รูสึกอึดอัด รสู ึกรําคาญ แลวก็เกิด ความทุกข อึดอัด คือความทุกขขึ้นมา ตรงนั้นเขาเรียกทุกขทางใจ แตอาศัย เสียง คืออาศัยหู
บางครั้งเนี่ยถาเราแยกรูปนามได เสียงที่เกิดขึ้น ถาแยกรูปนามให พิจารณา เสียงที่เกิดขึ้นกับจิตเราเปนสวนเดียวกันหรือคนละสวน ? ถาเมื่อ ไหรที่เรากําหนดรูอยางนี้ กําหนดแยกรูปแยกนาม แยกเสียงกับใจออกจาก กัน เสียงที่ไดยิน เสียงที่เคยทําใหเราเกิดความรูสึกรําคาญ หดหู ฟุงซาน ทําใหเรารูสึกหงุดหงิด ก็จะไมเกิดขึ้น แยกระหวางใจกับเสียง เสียงเปนรูป เสียงจัดเปนรูปนะ เสียง คําพูดแตละคํา ๆ ลองสังเกตดูสิ ถาใครสติดี ๆ ถาใครสติดี ๆ นะ การที่มีสติดีคือการทําใจใหวาง พอทําใจใหวางปุบ เรา จะสังเกตเห็นไดวาเสียงออกมาแตละคํานั้นมีลักษณะอยางไร ใครสติดีก็ จะเห็นวาบางครั้งเสียงนั้นจะเปนกลุมกอน เสียงเปนกลุมเปนกอนออกไป แลวก็หายไป ตรงที่เรารูตรงนี้เรียกวารูอยางบัญญัติ รูความเปนกลุมกอน ของเสียง ตรงที่ความเปนกลุมกอนนี่แหละ ความเปนกลุมกอน เปนเรื่อง ราว ที่ทําใหเราเกิดความรูสึกชอบหรือไมชอบ เขาเรียกกิเลสจะอาศัยอารมณ ที่เปนบัญญัติ
อารมณที่เปนบัญญัติก็คือวาความเปนกลุมกอน เปนเรื่องราว เปน เรื่องเปนราว เปนกลุมกอนเกิดขึ้น เมื่อไหรที่มีกลุมกอน ก็จะเปนที่อาศัย ของกิเลส มีชองวางใหกิเลสเกิดขึ้นได แตถาใครที่มีสติดี สามารถเอาจิต เขาไปในเสียงนั้นอีก แลวก็ไปรูอาการเกิดดับของเสียงนั้นได เสียงนั้นก็จะ เปนสักแตวาเสียง รูถึงอาการเกิดดับของเสียง เขาเรียกวาเขาไปรูที่ปรมัตถ รูอาการเกิดขึ้น ตั้งอยู ดับไป เกิดดับ เกิดดับ ตรงนั้นจะไมรูวาเสียงนั้น


































































































   184   185   186   187   188