Page 187 - มรรควิถี
P. 187
พูดอะไร แตรูถึงอาการเกิดดับ ตรงนั้นกิเลสจะไมเกิดแนนอน เพราะกิเลส ไมสามารถอาศัยปรมัตถเกิดขึ้นได กิเลสจะอาศัยบัญญัติเทานั้น อาศัยความ เปนบัญญัติ ความเปนกลุมกอน ความเปนเรื่องราว
เหมือนเวลาเรามองทางตา เห็นสิ่งที่เราไมชอบ การที่เราเห็นสิ่งที่ เราไมชอบได เพราะความเปนรูปราง ลักษณะ สีสันที่เราไมชอบ เห็นแลว เกิดความรูสึกไมสบายใจ ลักษณะ สีสัน รูปรางที่เกิดขึ้นนั่นแหละคือความ เปนกลุมกอน ความเปนบัญญัติ แตถาสามารถแยกรูปนามหรือเห็นวาภาพ ที่เห็นกับใจที่ทําหนาที่รูเปนคนละสวนกัน ภาพที่เห็นกับใจที่ทําหนาที่รูเปน คนละสวนกัน ภาพที่เห็นก็สักแตวาภาพ ไมใชเรา ไมใชเขา และภาพเหลา นั้น ภาพที่เห็นนั้นก็จะไมมาปรุงแตงจิตเราหรือทําใหจิตเราเศราหมองหรือ มีความอยาก มีกิเลสเกิดขึ้น ไมสามารถทําใหกิเลสเกิดขึ้นได ความอยาก ๓ อยางที่เขาบอกวาอยากใหเกิดขึ้น อยากใหตั้งอยู แลวก็อยากใหมันไป กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา คือความอยากใหมันเกิดขึ้น อยากใหมัน ตั้งอยู และอยากใหมันไป ความอยากเหลานี้ ถามันไมเปนตามปรารถนา ตามความอยาก เราก็จะเกิดความทุกข อันนี้ความทุกขทางใจก็จะเกิดขึ้น
ที่บอกวาทุกขทางใจตองดับ สาเหตุอันนี้เปนเหตุปจจัยอยางหนึ่ง เทานั้นเอง เปนเหตุปจจัยที่เกิดทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ แตสรุปแลวถามวาความทุกขเกิดขึ้นเพราะสิ่งนั้นจริง ๆ หรือ เปลา ? ความทุกขที่เกิดขึ้นใครเปนผูกระทํา ? ใครทําใหเรา ? ใครทําให ทุกข ? ลองพิจารณาดูวาสิ่งที่เราเคยทุกข สิ่งที่เราทุกขอยูทุกวันนี้ ใครเปน ผูทํา ? ในพระสูตรสูตรหนึ่ง พระพุทธเจาตรัสถามภิกษุ ถามพระสาวกวา ความทุกขใครเปนผูทําให ? ตัวเราเปนผูทําเองหรือเปลา ? ถามวา ความ ทุกขใครเปนผูทําให ? คนที่เคยคิดทําใหตัวเองเปนทุกขก็ตอบวา ความทุกข เกิดจากเราทํา เราเปนผูกระทํา พระพุทธเจาตอบวาไมใช บางคนก็ตอบวา ความทุกขเกิดจากคนอื่นทําใหเรา พระพุทธเจาก็ตอบวาไมใช บางคนก็ตอบ
173