Page 207 - มรรควิถี
P. 207

ไมมีตัวตน จิตที่วางเบา จิตที่วาง จิตที่เบา หรือจิตที่สงบ ตองกําหนดรูถึง อาการของรูปดวย จึงบอกวาเมื่อเจริญพลังเมื่อไหร เมื่อมีความสงบ มีพลัง มากขึ้น ตองดูที่รูป ใหพลังเขามาคลุมรูปหอหุมรูปดวย และในรูปใหเต็ม แลวก็ใหขยายออกมาเปนบรรยากาศขางนอก ใหมีบรรยากาศรองรับ บรรยากาศของความรูสึก ตรงนี้จะเปนสมาธิ เปนพลังรองรับอาการของ รางกาย ของรูป ไมวาจะเปนการหยิบจับเคลื่อนไหว ทําอะไรก็ตาม แมแต คําพูด ซึ่งเปนสิ่งที่สําคัญมาก ๆ การกระทําทางกายอยางอื่นมีนอย ที่ทําให เรารูสึกไมดี แตคําพูดบางทีก็เพลิน ควรจะระวังอยางยิ่งเลย เพราะคําพูด คนพูดบางทีพูดไมไดคิด คนฟงแลวเอาไปคิด ก็จะทําใหคนฟงนั้นทุกข คนพูดก็ผานไป เพราะฉะนั้นการมีพลัง การเจริญพลังมีสติกําหนดรู ถาเมื่อ ไหรที่เรามีสติกําหนดรูอาการของรูป หอหุมรูป หอหุมคําพูด หอหุมรูปทั้ง หมด ทั้งหมดทั้งรูป หมดเลย ใหกวางกวารูป เวลาจะพูด ก็จะรูวาคํานี้พูด ควรพูดเวลาไหน ควรพูดอยางไร พูดแลวกระทบใครหรือเปลา อันนี้ตอง ระวัง บางทีไมมีเจตนา เคยพูดเคยสอน อยางที่บอกวาเรามีเจตนาดี บางครั้งมีเจตนาดีตอกัน มีความปรารถนาดีเจตนาดี แตพูดผิดที่ผิดเวลา ความปรารถนาดีก็กลายเปนสิ่งที่ไมดี ความปรารถนาดีก็กลายเปนสิ่งที่ ไมดี จึงตองพิจารณาใหดี ใหมีสติควบคุม ใหเห็นจิตตัวเอง
เมื่อไหรที่เห็นจิตตัวเองมาก ๆ ถาเราเขาใจตัวเราเอง เราก็จะเขา ใจคนอื่นได ถาเราเขาใจตัวเองไดงาย เราก็จะเขาใจคนอื่นไดงายเชนกัน เพราะคนเรามีอะไรที่ไมแตกตางกันเทาไหร ความอยากก็อยากเหมือนกัน แตละคนก็อยากทําอะไรใหเปนอยางที่ตัวเองตองการเหมือนกัน เราก็อยาก ทําอะไรอยางที่เราตองการ เขาก็คิดอยากทําอะไรใหเปนอยางที่เขาตองการ แตความคิดของคนเราไมตรงกัน ไมเหมือนกัน ฉะนั้นเมื่อความคิดไม ตรงกัน นี่แหละความขัดแยงหรือความไมเขาใจก็เกิดข้ึน เพราะฉะน้ัน ถาเราเขาใจตัวเอง เราอยากอยางนี้ เขาก็อยากเปน เขาก็อยากเหมือนกัน
193


































































































   205   206   207   208   209