Page 261 - มรรควิถี
P. 261
ทั้ง ๆ ที่ตัวเองมีเต็ม ตรงที่หามเกิด ก็คือสะกดจิตตัวเอง หรือขมจิตตัวเอง เอาไว ถามวาขมดีไหม ? ขมดีนะ พระพุทธเจายังบอกเลยวา ขมจิตในเวลา ที่ควรขม ยกจิตในเวลาที่ควรยก
อารมณไหนที่ควรยกจิต ? บางทีมีอารมณเขามาปะทะมาก ๆ ไม สามารถยกจิต ก็ตองขมไวกอน แคเรานิ่งนิดหนึ่ง ขมจิตนิดหนึ่ง แลวก็ยก จิตขึ้นมาใหเหนืออารมณเหลานั้น การที่เราจะยกจิตขึ้นเหนืออารมณ เหลานั้น ทําไดอยางไร ? ทํายังไงดี ? สังเกตไหมวา เวลาอารมณนั้นเขา มากระทบแลวที่เรารูสึก เราคลุกคลีกับเขาใชไหม ? เราจึงอยูที่เดียวกัน กับเขา เราคลุกคลีกับความทุกข ก็อยูที่เดียวกันกับทุกข ถาเราอยากใหอยู เหนือเขา ก็ตองถอยออกมา แลวทําจิตเราใหใหญกวา หรือกวางกวา แลว จิตเราก็จะอยูขางบน ทุกครั้งที่สังเกตตรงนั้น ทุกครั้งที่จิตเราเบา มันจะลอย จิตเราจะสูงขึ้น สูงในแงหนึ่งก็คือวา อยูเหนืออารมณเหลานั้น สูงในแงหนึ่ง ก็คือ จิตเปนมหากุศลที่ไมเปนอกุศล สูงกวาจิตที่เปนอกุศล จิตไมเปนบาป จิตที่อยูเหนืออารมณเหลานั้น ตรงนี้จะเปนอยางหนึ่ง
แลวอีกอยางหนึ่ง นอกจากสูงคือ ดีกวาแลวยังเบากวา ใหญกวา ตรง นั้นนะ.. จะสูง อยูในชั้นที่สูงกวา แตถาเมื่อไหรเราคลุกคลี แลวถูกอารมณ นั้นครอบงําปุบเนี่ย เทากันเลย เราก็ถูกกดทับ สังเกตวาพออารมณเหลา นั้นเกิดขึ้นเนี่ย พอเราคลุกคลี แมแตตัวเรายังหนักไปหมด รูปเราหนักดวย พอจิตหนัก รูปหนัก เพราะอะไร ? เพราะมีตัวตน ทําใหรูปเปนตัว เปนที่ อาศัย เปนที่เกิด เปนที่อาศัย ทําใหรูปเราหนักดวย ก็เหมือนกับอยูในโลก นั้น แตพอเราแยกออก ตัวเรารูสึกเบาขึ้น จริง ๆ ก็เหมือนกับเปนเทวดา ในตัว ลองดูสิบรรยากาศของเรา จิตที่วางเบาไมมีตัวตน กับบรรยากาศของ เทวดา ไมตางกัน เหมือนขึ้นสวรรคทั้ง ๆ ที่มีชีวิตอยู สวรรคที่วาสวรรค ในอก จริง ๆ แลวเกิดขึ้นได เราก็เหมือนอยูบนสวรรคอยูแลว
มีพราหมณคนหนึ่งถามพระพุทธเจาวา รัศมีของพระองคผองใส
247