Page 288 - มรรควิถี
P. 288
274
ถาเสียงนั้นมีความตอเนื่องนะ สมมติวาเสียงมีความตอเนื่องแบบนี้ (พระอาจารยเคาะโตะ ถี่ ๆ หลาย ๆ ครั้ง) เรามุงไปเรื่อย ๆ มุงไปที่จุดใหม จุดใหม ไปเรื่อย ๆ แลวสังเกตวา จากที่กระจาย เขาเปลี่ยนเปนยังไง ? เล็กลง จุดเล็กลง.. เล็กลง.. ตรงนี้สติดี
สังเกตไหมขณะที่เรานิ่งไป ขณะที่เราตามกําหนดรูเรื่อย ๆ จิตเรา รูสึกนิ่งขึ้น ตื่นตัวขึ้น ตรงนี้ตรงที่ตื่นตัวขึ้น เขาเรียกสติมีกําลังมากขึ้น ตรงที่นิ่งขึ้นนั้นสมาธิเพิ่มขึ้น ตรงที่เห็นความแตกตางของอารมณตรงนั้น เขาเรียกปญญา ศีล สมาธิ สติ ปญญา เกิดขึ้นในขณะเดียวกัน แลวจิต เราจะใสขึ้น ตื่นตัวขึ้น ตรงนี้เขาเรียกวา การเจาะสภาวะ การกําหนดอาการ พระไตรลักษณ
เพราะฉะนั้นเวลาเราทําจิตใหวางแลวเนี่ย ตองมากําหนดอาการอยาง นี้ มีอารมณหลักอยางนี้ เพราะฉะนั้นอารมณหลักเหลานี้ไมใชวาเฉพาะที่ ตัวเราอยางเดียว อยางเชนเมื่อวาน เมื่อคืนยังบอกเลยวา พอเราวางแลว นั่งแลวไมมีอะไรเลย เงียบหมด ไดยินแตเสียงนาฬิกาอยางเดียว แตก.. แตก.. แตก.. ใหเอาจิตเราไปที่เสียงนาฬิกา แลวสังเกตเหมือนเมื่อกี้วา เสียงตอนนี้เกิดดับยังไง เขาจะเปลี่ยนไปเอง เขาจะเปลี่ยนไปตามกําลัง ของสติเราวา สติเรามีความละเอียดแคไหน สติเราแกกลาแคไหน ปญญาเราละเอียดแคไหน สมาธิเรามีกําลังมากแคไหน เราก็จะเห็น ความตางของสภาวะของอารมณนั้น ของลักษณะการเกิดดับนั้นไป แตไมใชบังคับวาฉันอยากเห็นอยางนี้ ฉันตองเห็น ไมใช.. แตใหพิจารณา ตรงนี้มีสติอยูกับปจจุบันเมี่อไหร อาการเปลี่ยนแปลงจะชัด อันนี้คือวิธี เจาะสภาวะ หรือวิธีกําหนดอาการพระไตรลักษณ
อารมณที่เกิดขึ้น พูดซ้ํานะ .. เมื่อคืนก็พูดไปแลว คือเวลาเรานั่งสมาธิ ตองย้ําอีก .. อยางที่บอกแลววา นอกจากลมหายใจ นอกจากอาการเตน ของหัวใจ นอกจากความคิด ก็มีเสียง นอกจากเสียง ก็มีเวทนา เวทนาคือ