Page 291 - มรรควิถี
P. 291

ไดปวย เหมือนเวลารางกายเราเสื่อมสลายสวนใดสวนหนึ่ง มันจะมีความ รอนเกิดขึ้น หรือไมก็เย็นจัด เปนเวทนาที่เราอาจจะทนไมได แตถาเรา กําหนดอยางนี้ได แยกออกมา เมื่อมีเวทนาเกิดขึ้น จิตก็จะแยกโดยอัตโนมัติ เพราะปญญาของคนเรา.. ปญญาวิปสสนาที่เกิดขึ้นแลวเขาจะไมลืม เมื่อ เห็นถึงความเปนคนละสวนระหวางกายกับใจเมื่อไหร ก็จะไมเผลอใหยึด เปนอันเดียวกันยังไงก็ไมยึด โยมลองบังคับใหเปนอันเดียวกันไดไหม ? บังคับแลวรูสึกเปนไง ? หนักใชไหม ? ตรงนี้แหละ.. จึงบอกวาปญญาที่รู แลวเนี่ย บังคับใหเปนอันเดียวกันไมได
แตเมื่อกอนทําไมแยกจากกันไมได ? เมื่อกอนเราแยกกายกับใจไม ออก เมื่อไหรก็คือเราเปนผูรู เราเปนผูคิด เราเปนคนทําทั้งหมดเลย ไมเห็น กายกับใจเปนคนละสวนกัน เพราะตอนนั้นยังไมเกิดปญญา แตถามีปญญา เห็นจริงอยางนี้ ใครบอก ใครบังคับ... “ไมใชหรอก เปนอันเดียวกัน กาย กับใจตองเปนอันเดียวกัน” พูดยังไงก็ไมเชื่อใชไหม ? นี่แหละคือปญญาที่ เกิดขึ้นแลว ไมสามารถเปลี่ยนไปได เพราะรูเอง เห็นเอง ไมใชความเชื่อ แตถาเปนแคความเชื่อ เชื่อตาม ๆ เขาเนี่ย เขาพูดเราก็คลอยตามแลว เพราะ ฉะนั้นวิปสสนาปญญา รูแลวเนี่ย.. ปญญาที่เกิดขึ้นแลว ไมสามารถกลับ ไปเปนอันเดียวกันได เพราะฉะนั้น รูปนาม กายกับใจ ที่เราปฏิบัติที่เรา เห็นแลว ที่เราเห็นตามความเปนจริงวาเปนคนละสวนกันอยางชัดเจน ใครจะทําใหเปนอันเดียวกันไมได ถาใครแนจริงลองเลยนะ.. ทาพิสูจน ลองทําใหเปนอันเดียวกัน รูสึกเปนยังไง ? ถาไมหนักนะ ใหเชื่อไดเลยบังคับ เมื่อไหรเราก็อึดอัด เพราะธรรมชาติเขาไมไดเปนอันเดียวกัน แตอาศัยกัน ไมไดเปนอันเดียวกันแตอาศัยกัน
เพราะฉะนั้นเวลาเรามีความทุกข ไมวาการรับรูอารมณทางตา หู จมูก ล้ิน กาย หรือใจก็ตาม แลวมีความทุกขเกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่งนั้น เพราะวามี เราเกิดขึ้น จึงมีเราทุกข ถาไมมีเราเกิดขึ้น ความทุกขยังไมเกิด มีแต
277


































































































   289   290   291   292   293