Page 292 - มรรควิถี
P. 292
278
เหตุการณที่เกิดขึ้น แลวก็จิตทําหนาที่รู ไมมีเราเขาไปเสวยอารมณอันนั้น เขาเรียกรับรูอารมณอันนั้นได รูวาดีหรือไมดี แตไมมีผูเสวยอารมณอันนั้น ไมมีรสชาติ ไมรับความทุกขจากอารมณที่เกิดขึ้น ตรงนั้นเขาเรียกไมเสวย อารมณอันนั้น แตจิตทําหนาที่รับรูตามธรรมชาติของเขา ธรรมชาติของจิต ที่ทําหนาที่รับรู เขาจะรูทุกเรื่องทุกอยางที่เกิดขึ้น ที่ผานเขามาทางทวาร ทั้ง ๖ ไมเลือก เหมือนอันนี้เปนธรรมชาติ
สัญญาก็เหมือนกัน เขาจะจําทุกเรื่องที่ปรากฏเขามา อันไหนเดน อัน ไหนประทับใจ เขาจะจําไดนาน อันไหนเขาไมประทับใจ เขาจะจําไดแปบ หนึ่งแลวก็ผานไป ใชไหม ? ธรรมะก็เหมือนกัน จําไดแปบเดียวลืมแลว.. ใชไหม ? ลืมงายจัง แตความทุกขทําไมลืมยากจัง ? ความทุกข เรื่องที่ทําให ทุกขก็เก็บนาน แสดงวาเราประทับใจกับเรื่องที่ทําใหทุกข ไมใชพอใจนะ ประทับใจ อารมณมันชัดเจน เขาเรียกอารมณที่ชัดที่สุดในใจเรา มันประทับ มันติดอยูที่ใจของเรา ทั้งดีและไมดี อยางเชน ความสุขก็เหมือนกัน ถาสุข จากธรรมะ เวลาเรานั่งปฏิบัติไปรูสึกโลง สวาง เบิกบาน ผองใส เราจะจํา ไมลืม นึกถึงเมื่อ ๑๐ ปกอนก็ยังจําไดเลย นึกออกวา ออ.. รูสึกมันโลงเบา แบบนี้ น่ันคืออารมณที่ประทับใจ ความสุขก็เหมือนกัน ความทุกขก็เหมือน กัน อารมณไหนที่ประทับใจ จิตเราจะเก็บ สัญญาทําหนาที่ของเขาไมลําเอียง แตตัวที่ทําหนาที่เลือกคือ ปญญาของเรา วาเลือกที่จะใสใจอารมณไหน มากกวา ใหความสําคัญกับสิ่งไหน ใหความสําคัญกับสิ่งนั้นเพื่ออะไร เห็น ประโยชนอะไรถึงใหความสําคัญกับสิ่งนั้น ? เราจะไดเลือกถูกวา เวลาเรื่อง ราวตางๆเกิดขึ้นมารอบตัวเราเนี่ย วาควรจะใหความสําคัญกับสิ่งไหน ? ตองถาม.. “เพื่อประโยชนอะไรเราจึงตองใหความสําคัญกับสิ่งนั้น ?” หรือวา “เห็นประโยชนอะไรเราจึงใหความสําคัญกับสิ่งนั้น ?”
เหมือนกับที่เราปฏิบัติ เราเห็นประโยชนอะไรเราถึงมานั่งปฏิบัติ ? เห็น ประโยชนอะไรจากธรรมะเราจึงเพียรที่จะปฏิบัติธรรม ? ถาเราตอบตัวเอง