Page 328 - มรรควิถี
P. 328

314
ขึ้นสูบรรยากาศไหน ขึ้นสูความรูสึกประเภทไหน อารมณนั้น ตองเปนสิ่ง ที่เราเคยเจอมาแลว อีกอยางหนึ่งการยกจิตขึ้นสูอารมณวิตก วิจารณ ปติ.. วิตก คือการยกจิตขึ้นสูอารมณ วิจารณ เกาะเกี่ยวอยูกับอารมณ ใช ไหม ? วิจารณ เคลาคลึงกับอารมณ ไมใชนั่งวิจารณอันนั้นดีไมดี จิตเรา เกาะติดรูการเปลี่ยนแปลงของอารมณนั้นไป ตรงนี้เขาเรียกวิตก วิจารณ แลวก็ปติจะเกิดก็เกิด ไมเกิดก็ไมเกิด ถาเกิดปติก็จะเกิดเอง สุข เอกัคคตาเกิดขึ้นมา แตการพิจารณาอาการเกิดดับตองยกจิตขึ้นสูอารมณ ใหเกาะติดกับอาการนั้น
อยางที่บอกวิธีการเจริญปญญาคือ นอมจิตเขาไปในอาการ ตรงนี้คือ การยกจิตขึ้นสูอาการ ขึ้นสูอารมณอันนั้น พรอมกับสังเกตวาเขาเปลี่ยน แปลงอยางไร หรือเรียกอีกอยางหนึ่งวาการยกจิตขึ้นสูวิปสสนา วิปสสนา คือการรูความแตกตาง รูการเปลี่ยนแปลงของเขา รูอาการพระไตรลักษณ เพราะฉะนั้นอาการพระไตรลักษณที่เกิดขึ้น จึงเปนสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหนา เราเทานั้นถึงจะเห็น สภาวะอาการพระไตรลักษณที่ละเอียดถึงจะเปน ตัวทําใหกิเลสของเราเบาบางลงได จิตเราผองใสขึ้นได จิตเราจะผองใสยิ่ง ขึ้น ก็เพราะการเห็นอาการเกิดดับของรูปนามที่เปนอารมณปจจุบันนั่นเอง ที่เปนอารมณปจจุบันเทานั้น เพราะฉะนั้นการกําหนดรูอาการเกิดดับที่เปน อารมณปจจุบันจึงเปนสิ่งสําคัญในหลักของการเจริญวิปสสนา เพราะฉะนั้น อารมณปจจุบันไมใชแครูวาฉันรู รูวาทําอะไร
อารมณปจจุบันมีสองสวน สวนหนึ่งก็คือรูวากําลังทําอะไรอยู กําลัง นั่งอยู กําลังพูดอยู กําลังคุยอยู กําลังทํางาน กําลังเดิน กําลังนอน อันนี้ สวนหนึ่งนะ แตอาการที่เปนปจจุบันที่มีรายละเอียดมากขึ้นก็คือวา ขณะที่ เดิน อาการเดินนั้นเกิดดับอยางไร ตรงนี้ละคือเปนปจจุบันขณะเล็ก ขณะที่ เราพูด คําพูดแตละคําออกไปมีลักษณะอยางไร ? พูดจากตรงไหน ? คําพูด ที่ออกมาเนี่ย จากตรงไหน ? ออกมาจากที่ไหน ? ตรงนี้ยังละเอียดขึ้นนะ


































































































   326   327   328   329   330