Page 337 - มรรควิถี
P. 337

สวนกัน เราฝกแยกรูปแยกนาม พวกเราทํากันไดทุกคนแลว แยกรูป แยกนาม แยกกายกับใจ แยกจิตกับเวทนาที่เกิดขึ้น ไดเปนพัก ๆ บาง คนก็ไดเปนพัก ๆ บางคนก็พอเวทนาเกิดขึ้นก็แยกไดตลอด มีเวทนา เกิดขึ้นเมื่อไหร ก็เห็นใจกับเวทนาเปนคนละสวนกัน เกิดขึ้นเมื่อไหร ก็แยกสวนกัน กําหนดรูถึงเวทนากับความรูสึกเปนคนละสวนกัน ที่เคยบอก วาเวทนาทางกายเกิดขึ้นไมทําใหจิตเรามีเวทนา หรือเปนทุกขเวทนา แต ทําใหจิตเราเปนอุเบกขา หรือเขาเรียกเปนอุเบกขาเวทนา รูปมีทุกขเวทนา แตจิตเปนอุเบกขาเวทนา
แตถาบุคคลใดใครก็ตามที่มีสติ คือจิตที่มีกําลังมากกวานั้น ก็จะ เปลี่ยนจากที่รูปมีทุกขเวทนาเปนโสมนัสเวทนา หรือสุขเวทนา รับรูเวทนา ดวยความสุข ที่ทานแมครูวามองผานความสุข รับรูอารมณตาง ๆ ผาน ความสุข เวทนาที่เกิดทางกาย ขณะที่เราเมื่อย ลองเอาความสุขไปไวตรง ที่มันปวด ไมเชื่อลองดูสิ เอาความรูสึกที่สุข ความรูสึกที่น่ิมนวล ความรูสึก ที่ออนโยนไปรองรับจุดกระทบที่เรานั่ง ในขณะนี้นะ.. เอาความรูสึกนิ่มนวล ออนโยนไปรองรับจุดกระทบที่เรานั่ง รูสึกไหมนั่งอยูที่ไหน ? จะนั่งอยู บนความเบาความนิ่มนวล นั่งอยูบนความสุข นั่นคือจิตเราก็ไมไดทรมาน ไมไดทุกขกับเวทนา แตจิตกลับเปนความสงบ ความสุข นี่เปนการ แยกนาม แยกเวทนาทางกายกับเวทนาทางจิตออกจากกัน
การแยกอยางนี้ได ตองเปนการกําหนดรูอยางไมมีตัวตน รูดวย จิตที่วางจริง ๆ รูอยางไมมีตัวตน ไมมีเราเปนผูรู ไมมีเราเปนผูรับ มีแต ความรูสึก หรือมีแตจิตที่ออนโยน นิ่มนวลทําหนาที่รับรู แยกสวนกัน ใหจิตเรากวางใหญกวารูป กวางกวาตัว กวางกวาเวทนาที่รับรู ที่กําลังเกิด ขึ้นอยู และอีกอยางหนึ่งก็คือ เวลามีเวทนาเกิดขึ้นมาก ๆ หรือมีความรูสึก เหนื่อยลา จิตไมมีพลัง ถาจะใหจิตเรามีพลังเพิ่มขึ้นไดงายก็คือ ใหนิ่ง นิดหนึ่ง แลวสังเกตจิตที่ทําหนาที่รู
323


































































































   335   336   337   338   339