Page 340 - มรรควิถี
P. 340
326
ยังไง ? จิตที่ทําหนาที่รับรูถึงความทุกข อยางที่บอก รูวาทุกข รูวาเบื่อ รู วาเศรา จิตที่ทําหนาที่รู ที่เราจับจิตที่ทําหนาที่รู รูแลวเขาดับไปไหม ? หรือวารูแลวจิตดวงเดียวเปนผูตั้งอยู เปนผูรูตลอดเวลา หรือทําหนาที่รูแลว ดับ ? จิตดวงนี้ทําหนาที่รูแลวดับ หรือรูแลวก็ทําหนาที่อยูตลอดเวลา ?
ถาจิตดวงนี้ทําหนาที่รู แลวมีชองวางระหวางจิตกับอารมณ ก็ยังดี เปนผูรู เปนผูดูก็ยังดี แตถาจิตดวงนี้เปนผูรับ แลวก็เปนเสียเอง อันนั้น นะหนัก หนักแนนอน เพราะเราไมแยกระหวางจิตกับอารมณที่เกิดขึ้น อารมณในที่นี้ไมไดหมายความวา อารมณความโกรธความหงุดหงิด อยางเดียว ความชอบ.. อารมณในที่นี้หมายถึงเปน รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และธรรมารมณที่เกิดกับใจ รูปที่ไดเห็น เสียงที่ไดยิน ความคิดที่ เกิดขึ้น เขาเรียกเปนอารมณของจิต ไมใชอารมณของเรานะ เพราะถา กําหนดอยางนี้ จะไมมีเรา มีแตจิตที่ทําหนาที่รูกับอารมณตาง ๆ ที่เกิด ขึ้นทางทวารทั้ง ๖ เปนอารมณของจิต
เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นมา ถาเรามีสติกําหนดรู หรือมีแต ความรูสึกที่ทําหนาที่รู ไมมีเราเปนผูรู อุปาทานจะไมเกิด ความทุกข จะไมเกิด เมื่ออุปาทานไมเกิด ความทุกขไมเกิด อุปาทานเกิดเพราะ มีตัวตน มีเรา ยึดมั่น อุปาทานคือการยึดมั่นถือมั่น สิ่งสําคัญที่สุด ก็คือการยึดมั่นถือมั่นในความรูสึกวาเปนเรา ของเรา อะไรบางที่เปนเรา เปนของเราที่เรายึด ? พระพุทธเจาบอกวาขันธ ๕ นี่แหละ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ที่เรายึด ยึดเอารางกายเปนของเรา เวทนา ของเรา เวทนาเปนเรา เราเปนเวทนา ไมใชเฉพาะเวทนาเปนของเรานะ ตัวเรานั่นแหละเปนเวทนา มีเวทนา มีเราเปนผูรับผลเสวยอารมณอันนั้น จึงทําใหทุกข
เมื่อไหรที่ดับความรูสึกวาเปนเรา สังเกตงาย ๆ เลย ไมวาอารมณ อะไรเกิดขึ้นก็ตาม เมื่อไหรก็ตามที่ดับความรูสึกวาเปนเรา หรือเอาความ