Page 353 - มรรควิถี
P. 353
หากัน บัญญัติ ปริยัติที่บอกวารูปนามอันนี้ไมใชของเรา รูปนามอันนี้เปน อนัตตา เปนไดอยางไรในเมื่อมีเรานั่งอยู ?
มีความหมาย ๒ อยางก็คือ ความเปนเราเกิดขึ้น นั่นเรียกวา “บัญญัติ” ความเปนบัญญัติ สมมติบัญญัติ สมมติเรียกกัน เปนเราเปนเขา ตรงนี้ก็เพื่อ สื่อสาร เราอยูดวยกัน อยูในสังคม เราจะคุยกันรูเรื่องก็ตองมีบัญญัติ บัญญัติกันขึ้นมา สมมติกันขึ้นมา เรียกวาอุปโลกนกันขึ้นมาวาเปนนั่น เปนนี่ ใหเปนอยางนั้นเพื่อสื่อสารกันได แตวาโดยสภาวะจริง ๆ โดย ธรรมชาติของรูปนาม คําวาสภาวะก็คือ ธรรมชาติของรูปนามอันนี้ ธรรมชาติ จริง ๆ แลว รูปนามอันนี้เปนสิ่งที่วางเปลา เพราะฉะนั้นเราพิสูจนได เรา แยกรูปนามได เราพิสูจนไดเลย
พอแยกรูปนามเมื่อไหร รูปวางเปลา ตัวก็วาง รูปก็วาง ตัววาง ใจวาง ใจเบา ตัวเบา พอตัวเบาปุบ ดูเลยวา ขณะที่ตัวเบามีรูปรางไหม ? หรือวาตัวเบา ๆ วาง ๆ รูปหายไป ? ตรงนี้ความพิเศษอยางหนึ่ง การที่ เห็นรูปวางหรือหายไป เริ่มจากแยกรูปนาม แลวเหลือรูปบาง ๆ หลังจาก นั้นเมื่อเหลือรูปบาง ๆ พอไปดูความบางของรูป รูปหายไปอีก พอรูปหาย ไปเหลืออะไร ? เปนอรูปแลว เปนอรูป ความวางที่เกิดขึ้นคือ ไมมีรูป ไมมีเรา ไมมีอะไรเลย เหลือแตจิตดวงเดียวทําหนาที่รู อัศจรรยนะ.. เร็วมากเลย แปบเดียวตัวหายหมด
บางทีโยมเขาบอกวา ตัวเขาหายหมดแลว ไมกลาพูด นั่ง ๆ ไปตัว หายหมด เหลือแตจิตดวงเดียวทําหนาที่รู จะเรียกวาอะไร ? รูปหาย เขา เรียกวา “ไมมีรูป” หรือเรียกวา “อรูป” ถาเปนเรื่องฌาน เขาเรียก “อรูป ฌาน” ไมมีรูป มีแตความสงบ มีแตความเบา เหลือแตจิตที่เบา ที่ผองใส ตรงนั้นเปนฌานแลว เหลือแตจิตที่ทําหนาที่รู ทําไมถึงเปนอยางนั้น ?
เพราะขณะนั้นจิตคลายจากอุปาทาน ไมมีอุปาทาน ไมมีความ ยึดมั่นถือมั่นในรูปที่กําลังนั่งอยู ไมมีรูป ไมรูสึกเลยวามีรูป มีแตจิต
339