Page 359 - มรรควิถี
P. 359

กระวาย ความไมสบายใจตาง ๆ ทุกอยางเกิดขึ้นจากเหตุปจจัย เพราะ ฉะนั้นถาเราจะดับทุกข จึงตองดับความรูสึกวาเปนเรา
ก็กลับมาตรงที่วารูปนามอันนี้ รางกายหรือสังขารขันธทั้ง ๕ ของเรา ที่พระพุทธเจาบอกวาขันธทั้ง ๕ เปนของหนัก ไมควรเขาไปยึด มั่นถือมั่น ที่บอกพิจารณาวารูปก็ไมใชของเรา เวทนาไมใชของเรา สัญญา ก็ไมใชของเรา สังขารไมใชของเรา วิญญาณก็ไมใชของเรา ทุกอยางเกิด จากเหตุปจจัย เกิดจากกรรมที่เราทําเอาไวในอดีต เกิดมาเพื่อทํากรรม เกิดมาใชกรรม แลวก็ทํากรรมตอ สรางกรรมตอ ตายไปก็ไปใชกรรมตอ
บางคนถามวาจะตัดวิบากอยางไร ปฏิบัติแลวตัดวิบากไดไหม “ตัด กรรมไดนะ” ตัดกรรมนี่เราเห็นชัด วิบาก.. ถาสิ่งไหนเกิดแลวเขาก็สงผล การตัดกรรมก็อาศัยกรรมอีกนั่นแหละ การตัดกรรมก็อาศัยกรรม ไมใช อยู ๆ ก็จะตัดกรรมได การตัดกรรมอาศัยสติ การตัดกรรมอาศัยปญญา ที่วาการตัดกรรมอาศัยกรรมคือ ใชกรรมฐานเขาไปตัด มีสติกําหนดรู ถา ใชสติก็จะดี รูอยูกับรูปนาม อยูกับอาการปจจุบัน รูอาการเกิดดับ ทาน แมครูจึงบอกวา เมื่อไหรที่เราเห็นชองวางระหวางรูปกับนามมากเทาไหร นั่นคือการตัดกรรม หมายถึงวาการเกิดดับของรูปนามที่เปนปรมัตถ ทุกขณะ ทุกขณะ ทําไมถึงเรียกอยางนั้น ?
เพราะเมื่อไหรที่เราเห็นอาการเกิดดับของรูปนามที่เปนปรมัตถ มาก ๆ บอย ๆ จนถึงที่สุดเมื่อจิตตัด พนจากภูมิของปุถุชน เปนอริยภูมิ เขาสูกระแสนิพพาน หมายถึงวาเปนพระโสดาบัน ก็จะตัดภพชาติตาง ๆ ที่จะเกิดในอนาคต ดวยกรรมตาง ๆ ที่เราทํามา แตเมื่อไหรที่ฝกกรรมฐาน เจริญกรรมฐานจนถึงโสดาบัน พบกระแสนิพพานแลว จะเกิดอีกอยางมาก ก็แค ๗ ชาติ เพราะฉะนั้นกรรมที่เคยทําเอาไวจะเกิดตอไปสัก ๑๐ ชาติ ๒๐ ชาติกอนที่เราปฏิบัติธรรม ก็จะเหลือแค ๗ ชาติ เหลือนอยลงแลว ภพชาติในการที่จะเกิดไปรับกรรมนอยลง
345


































































































   357   358   359   360   361