Page 360 - มรรควิถี
P. 360

346
แตถาเมื่อไหรที่เรามีความเพียร ปฏิบัติจนสิ้นอาสวกิเลส จาก ๗ ชาติ จะเหลือแคชาติเดียว ชาติตอไปก็ไมเกิด ตรงนี้เปนกรรมที่เปนตัตรมัชฌัต ตตากรรม กรรมมาตัดรอนกรรมในอดีต กรรมที่ไมดี กรรมนี้มีกําลังมาก เปนกุศลกรรมที่มีกําลังมาก มาตัดกรรมไมดีในอดีต กรรมไมดีที่จะเกิดขึ้น จะสรางภพชาติตอไปไมเกิดขึ้น เพราะกรรมนี่เปนมหากุศลกรรม เพราะ ฉะนั้นการตัดกรรมไดจริงไหม “ตัดกรรมไดนะ”
แตวิบากใดที่เราเคยทําเอาไว เปนอกุศลวิบากที่มีกําลังมาก ก็ยังสง ผลตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู “ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู” แตวิบากที่สงผลนั้น ไมสามารถทําใหจิตเราเปนทุกขไปมากกับวิบากกรรมนั้นได และเขาใจถึง วิบากผลของกรรมที่เราเคยสรางในอดีตที่เกิดขึ้น แตจําเปนตองรูไหมวา สรางอะไรไวบาง จะกลับไปแกไดไหม “ไมไดหรอก” รูแลวก็ออ..เปนจาก สิ่งนั้น ก็แกปจจุบัน ตอไปจะไมทําอยางนั้นอีก
แตบรรทัดฐานที่พระพุทธเจาตรัสเอาไว ใหเรามีบรรทัดฐานในการ ปฏิบัติตนเพื่อความพนทุกข เพื่อความสุข ความเจริญงอกงามในธรรมนั้น มีอยู มีขอปฏิบัติ อยางฆราวาสก็มีอยู ๕ ขอ อยางที่เรารับไปเมื่อกี้นั่นแหละ เปนขอปฏิบัติเพื่อความสุข เพื่อความสงบ เพื่อโภคทรัพย เพื่อนิพพานใน อนาคต ศีล ๕ ขอนี้คือแนวทางในการดําเนินชีวิต เพื่อความสงบสุข
แตถาตองการหลุดพน ก็เจริญมรรค ๘ ที่ยอลงมาก็เหลือรูปกับนาม มีสติกําหนดรูอารมณปจจุบัน อยางที่เรามีสติกําหนดรูแยกรูปนาม ใกลเขา มาอีก.. สิ่งที่เราทํา เห็นรูปนามเปนคนละสวนกัน แลวเห็นอาการเกิดดับ รูปนามเกิดขึ้น ตั้งอยู ดับไป หลับตาเจริญสติ ดูลมหายใจ ดูอาการเกิด ดับของลมหายใจ เวทนาเกิดขึ้น มีสติเขาไปกําหนดรูอาการเกิดดับของ เวทนา มีความคิดเกิดขึ้น มีสติกําหนดรูอาการเกิดดับของความคิด นั่น แหละคือการเจริญสติปฏฐาน ๔ พิจารณารูอาการเกิดดับของรูปนาม บอย ๆ จิตก็จะคลายจากอุปาทาน ไมใชไมยึดแครูป ไมยึดแมกระทั่งภพชาติ


































































































   358   359   360   361   362