Page 376 - มรรควิถี
P. 376
362
เพราะฉะนั้นเวลาเรานอน เวลาจะนอนใหความรูสึกที่เบาไปรองรับ จุดกระทบที่เรานอน แลวเอาความเบาคลุมตัว พอคลุมตัวเสร็จปลอยให หลับในความวางนั้น เหมือนหลับในฌาน หลับอยูในฌาน พอตื่นขึ้นมา ก็จะสดชื่น ถาหลับแบบนั้นจะหลับสนิท ไมฝนราย เพราะฉะนั้นการที่ ทําใจใหวางแยกรูปนามได เราใชไดกับทุก ๆ ขณะของชีวิตเรา ไมเฉพาะ เวลานั่งสมาธิ ยืนเดินนั่งนอนทํางาน... ไดหมด จิตที่วางใชไดกับทุก สถานการณ แตการที่เราจะทําใหจิตวางไดตลอด ไดนาน ๆ ตรงนี้จะมี ปญหานิดหนึ่ง จริง ๆ ก็อยูที่เราฝกใหชํานาญนั่นเอง การที่เราจะฝกให ชํานาญก็คือ ดวยการเอาจิตที่วางไปใชงานบอย ๆ ไมใชรอเพื่อที่จะทํา จิตใหวาง
ขณะที่ทํางาน.. กอนที่จะไปทํางาน ทําจิตใหวาง เอาจิตที่วางเบาไป ใชกับงาน ขณะที่นั่งรถ เอาจิตที่วางคลุมรถคลุมตัวเรา ขับเขาไปในความ วาง พอถึงที่ทํางาน ใหจิตที่วางนําหนา จิตที่เบาโลงวางนําหนาเรา ตรงนี้ คือการเอาจิตที่วางมาใชงานบอย ๆ ใชบอยเทาไหร เขาก็อยูนานเทานั้น เมื่อไหรที่เราไมใช เขาก็หายไป ยิ่งเปนนามธรรมดวยแลวหายเร็ว พอมี อารมณกระทบปุบ เขาก็หายแลว มีอารมณหนัก ๆ เขามากระทบ..ตกใจ ใจก็หลุดไปหายไป แตถาเราเอาจิตที่วางรูทุก ๆ อารมณที่เกิดขึ้น อยาให รูใกลตัว ถาจิตอยูใกลตัวเมื่อไหรจะตกใจงาย
อยางเชนขณะที่เราเห็นดอกไม ถาเอาจิตที่วางมาที่ดอกไม สังเกต ดูนะภาพที่เห็นตั้งอยูที่ไหน ? ตั้งอยูบนโตะหรือตั้งอยูในที่วาง ๆ ? ภาพ ที่เห็นรูสึกหนักหรือเบา ? เบาใชไหม ? นี่แหละอารมณเหลานี้จะไมเขาไป ที่ใจ แตรูชัดวาเปนสีอะไร สวยไมสวย แตไมมีผลกับจิตใจเรา ไมทําให จิตใจเราขุนมัวหรือเศราหมอง ไมเกี่ยวกับความชอบหรือไมชอบ แตเห็นชัดเจนวาเปนคนละสวนกันระหวางจิตกับอารมณที่เกิดขึ้น
เพราะอารมณเหลานี้ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู มีอาการครบ ๓๒