Page 380 - มรรควิถี
P. 380

366
ที่บอกวาเปนของเรา มีแตรูปกับนาม มีแตกายกับใจ เกิดขึ้นมา แลวเปน ไปตามกรรม เราสรางกรรมมาในอดีต เกิดมาเพื่อใชกรรม แลวทํากรรมใหม แลวก็ใชกรรมตอไป กรรมที่เราทําเพื่อที่จะใหเราไดบรรเทาทุกข.. กรรมฐาน นี่แหละ
กรรมฐานคือการกําหนดรูจิตตัวเอง รูจักทําจิตใหปลอยวาง ใหวาง สังเกตไหมเมื่อไหรก็ตามที่เราแยกกายกับใจออกจากกัน แลวแยกใจกับ อารมณออกจากกัน จิตเราจะไมคลอยตามอารมณ ไมคลอยตามกระแส ตรงนี้หลุดพน หลุดออกมาชั่วขณะหนึ่ง ขณะที่จิตเราหลุดพน หลุดออก มาจากวงจรของอารมณเหลานั้น จิตรูสึกเปนไง ? อิสระ สบาย ใชไหม ? นี่เปนการตัดชั่วขณะหนึ่ง จิตเราจะหลุดหรือจะไหลตาม ใหจิตเราอยูนอก อารมณ หรือไหลตามอารมณ เพราะฉะนั้นการที่เราแยกรูปนาม ใหจิตออก มาขางนอกตัว เพื่อใหเห็นชัดวาจิตเรามีลักษณะอยางไร
ความคิดที่เกิดขึ้น อยางที่บอกแลว เมื่อไหรที่เราคลอยตาม คลอย ตามก็ปรุงแตง คิดตอ คิดเปนสิ่งที่ดีนะ จิตตสังขารมี ๒ อยาง สังขารที่ เปนบุญหรือเปนบาป ความคิดที่สรางสรรคหรือความคิดที่ทําลาย ถาเรา จําเปนตองใชตองอาศัยสังขาร ควรจะเปนปุญญาภิสังขาร สังขารที่เปนบุญ เปนความคิดที่สรางสรรค คิดใหจิตเรามีกําลังมากขึ้น ใหจิตผอนคลาย หรือคิดในเรื่องที่เราจะปลอยวางไดงายขึ้น เพื่อไมจิตเราตกหรือเปนทุกข อยูนาน ถาตองการพนทุกข งั้นเรามองในแงดี เปนวิบากกรรม เปนกรรม เปนกรรมของเรา เปนเพราะเขาไมรู คนเราเกิดมามีเจาเวรนายกรรมก็อยาง นี้แหละ ไมรูวาชาติไหนสรางเอาไว ชาตินี้เกิดมาเจอแตเจาเวรนายกรรม
เจาเวรนายกรรมที่สงผลกับเราที่สุดก็คือคนที่เราสัมผัส อยูดวย... คนใกล อันนี้แหละที่สงผลใหเราเปนทุกขมากที่สุด สัมผัสได รับรูได เกี่ยวของกัน สิ่งที่เรามองไมเห็นเราไมรูหรอก แตที่ทุกขแน ๆ คือสิ่งนี้ บุคคลที่เราสัมผัสได รูได นั่นแหละที่ทําใหเราทุกขมาก อยางกับลูกเนี่ย


































































































   378   379   380   381   382