Page 60 - มรรควิถี
P. 60

46
เราเปนเขา เพราะฉะนั้น ขณะที่เดินอยางไมมีตัวตน เดินอยูในบรรยากาศ ของความสงบ หรือ ความวางก็ตาม สังเกตดูวารางกายเรา หรือรูปที่เคลื่อน ไหวนั้น รูสึกหนักหรือเบา ? หรือเคลื่อนไหวอยางเบา ๆ บาง ๆ ถามวามี ตัวตนไหม ? ก็คือวารูปนี้เขาจะเปนตัวประกาศของเขาเองวา รูปที่เคลื่อน ไหวอยูบอกวาเปนใครหรือเปลา ? ถาไมบอกวาเปนใครนั่นคือความไมมี ตัวตน แตเราจําไดวาคือใคร ตรงที่จําไดคือสัญญา จําไดแนนอนวานี่คือ ตัวเรา แตขณะนั้นขณะที่จิตเราวาง โลง ตัวไมบอกวาเปนใคร นั่นคือสภาวะ ความเปนอนัตตา บางครั้งเอาสัญญามาเปนตัวเรา สัญญาจําไดวาเปนเรา จนปลอยวางไมไดทําใหทุกข นี่คือสภาวะจริงที่พระพุทธเจาทรงตรัสวาไม ใชสัตว บุคคล ตัวตน เรา เขา มีแตรูปกับนาม รางกายเปนรูปใจรูเปนนาม แคนั้นเอง ถาเรายอนกลับไปดูอีกทีหนึ่งวา ที่เรายึดอารมณตาง ๆ มาชั่ว ชีวิตของเรานี้เราไปยึดติดอะไร ? ที่เราทุกขเพราะอะไร ? เพราะเราใหความ สําคัญสิ่งนั้น เปนสิ่งที่ถาวรมั่นคง เปนของเที่ยง เปนของเรา เปนของเขา เปนของไมเสื่อมสลาย ไมวาคนนั้นจะเปนใครก็ตาม สิ่งที่ชัดที่สุดก็คือวา แมแตตัวเราเองยังไมบอกวาเปนเราเลย รูปอันนี้ยังไมบอกวาเปนเราเลย นามหรือจิตก็ไมไดบอกวาเปนเราเลย แลวคนอื่นสิ่งอื่นที่อยูขางนอก จะบอกวาเปนของเราไดหรือเปลา ?
หนาที่สวนหนึ่งของเราก็คือสังคม เราอยูกันดวยหนาที่ ทเี่ กี่ยวของกัน ตองแสดงออกตองเกี่ยวของกันกับสังคม เพราะฉะนั้นหนาที่ ที่เราทํา ทําดวยความเขาใจ ถาทําดวยความไมมีตัวตน ทําดวยความรักทําดวยความ เมตตา ทําดวยความรูสึกที่ปรารถนาดีตอกัน ทําหนาที่อันนั้นดวยความ ปรารถนาดีตอกันอยางไมมีตัวตน สิ่งนี้คือสิ่งที่เราตองพิจารณา ผลที่ตาม มาเปนอยางไร ? ไมวาจะเปนโทสะ โลภะ หรือโมหะก็ตามเกิดขึ้นไมได เหตุการณบางอยางเปนสิ่งที่ควรจะอุเบกขา ก็ตองอุเบกขา เหตุการณ บางอยางนาอนุโมทนา เราก็อนุโมทนา เหตุการณบางอยางที่เกิดขึ้นนา


































































































   58   59   60   61   62