Page 61 - มรรควิถี
P. 61
สงเสริมก็สงเสริม นี่แหละคือสภาวะที่ตองรูตามความเปนจริง ถาเอา ความรูสึกของเราเขาไป โดยลืมสภาวะที่เปนจริง คือเหตุปจจัยตามความ เปนจริงของเขาเปนอยางไร ? ผลตามมาก็คือ เมื่อไมเปนไปตามที่เรา ปรารถนาก็เกิดทุกข พอพูดอยางนี้ไมใชวาทําอะไรแลวไมมีเปาหมายไม คาดหวัง การทําอะไร ไมมีเปาหมายไมมีการคาดหวัง มักจะขาดพลังใน การสรางสรรค มักจะขาดพลังในการพัฒนา ถาเรามีเปาหมายในการ กระทํา มีความคิดสรางสรรค พลังในการกระทําก็จะเกิดขึ้น เหมือนเรา ปฏิบัติธรรม ถาเราไมมีเปาหมาย ปฏิบัติไปอยางนั้นแหละถึงไหนก็แลว แตการปฏิบัติก็จะไปเรื่อย ๆ ไปตามยถากรรม ทําบางไมทําบาง เพราะ ไมมีเปาหมาย
ถาเรามีเปาหมายเพื่อความดับทุกข ก็จะเกิดความเพียรพิจารณา มากขึ้น สิ่งไหนที่เปนเหตุใหเปนทุกข ก็จะรีบดับรีบแกไข ถาเรามีเปาหมาย เพื่อมรรค ผล นิพพาน ไมวาสภาวะนั้นจะเปนทุกข หรือเปนสุขก็ตาม เรา จะตองกําหนดรูถึงความเปนไตรลักษณ ของความเปนอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ของสภาวะที่เกิดขึ้น เพื่อจุดมุงหมาย เพื่อมรรค ผล นิพพาน ไมวาจะเปน ความทุกข หรือความสุขก็ตาม เชน เมื่อเรามีความสุขเกิดขึ้น ใหมุงเขาไป กําหนดความสุข ดูการเปลี่ยนแปลงของความสุข รูถึงการเปลี่ยนแปลง รูอาการพระไตรลักษณ จะเขาสู มรรค ผล นิพพาน ได เราตองอาศัยอาการ พระไตรลักษณอยางเดียว เมื่อไหรที่เราเห็นอาการเกิดดับ ความทุกขก็ จะดับ เพราะอาการพระไตรลักษณ เปนตัวตัดวัฏสงสารตัดภพชาติ เพราะ ฉะนั้น การปฏิบัติธรรม ถาเราตองการตัดภพชาติ เราตองเห็นอาการเกิด ดับของรูปนามใหมาก เห็นทุกขณะจิตยิ่งดี เพราะการปฏิบัติธรรมนั้นไม จํากัดเวลา
เมื่อไหรที่รูสึกตัวมีสติ ใหเรากําหนดรูถึงการเปลี่ยนแปลง รูถึงอาการ เกิดดับ กําหนดรูไปเรื่อย ๆ เมื่อไหรที่เราเห็นความเปนอนิจจัง ความเปน
47