Page 96 - มรรควิถี
P. 96
82
โปรงขึ้น โลงขึ้น มีความสุขมากขึ้น นั่นเปนผลจากการปฏิบัติ เมื่อมีความ สุขแลวใหเอาความสุขนั้นไปใชงาน เอาพลังของความสุขมากําหนดอาการ ตอไป กําหนดอาการเกิด-ดับตอ ใหใจที่สุขเปนผูดูอาการอื่น ๆ ตอไปอีก การกําหนดสภาวะเมื่อรูทันอารมณมากขึ้น ปติก็เกิดขึ้นมีความสุขเกิดขึ้น นี่คือความพิเศษของการปฏิบัติ ความมหัศจรรยของธรรมะ ความพิเศษ ของธรรมะ เมื่อเรากําหนดไปเรื่อย ๆ จิตจะยิ่งผองใส ยิ่งโลงขึ้น ความสุข ก็เกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ เปนความสุขที่ไมตองอาศัยวัตถุภายนอก เปน ความสุขที่เกิดจากการคลายอุปาทาน หรือคลายจากการยึดติดในอารมณ ตาง ๆ เปนความสุขที่เกิดจากกิเลสในจิต หรือความเศราหมองของจิต ดับไป เปนความสุขที่เกิดจากจิตที่เปนกุศล เกิดจากสมาธิที่มีกําลัง เกิดจากสติที่มีกําลังและปญญาที่เขาไปเห็นถึงธรรมชาติของรูป-นามวา ไมมีตัวตน ไมมีเรา ไมมีเขา มีแตธรรมชาติที่เกิดขึ้น ตั้งอยู แลวก็ดับไป
ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเปนอนัตตา ธรรมทั้งหลายทั้งปวงก็คือรูป-นาม ภายในและรูป-นามภายนอก รวมทั้งทุกสรรพสิ่งในโลก รูป-นามภายใน ก็คือรูป-นามของเราเอง รางกายของเราใจของเรา เปนอนัตตาไมมีตัวตน ไมบอกวาเปนใคร โดยสภาวะแลวไมบอกวาเปนใคร เปนธรรมชาติอยางหนึ่ง ที่เกิดขึ้นมา มีเหตุปจจัยอาศัยกันไป ธรรมชาติตรงนี้เปนความจริงอยางหนึ่ง ที่ถูกบัญญัติขึ้นมา เรียกวาสมมติบัญญัติ วาเปนเรา เปนเขา เปนหญิง เปนชาย เปนตนไม เปนแมน้ํา ฯลฯ เรายึดความจริงโดยสมมติโดยที่ไม รูจักความจริงโดยปรมัตถแลว คนเราก็จะหลงใหลยึดติดในสมมติอันนี้ ไมสามารถปลอยวางได เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง เมื่อมีเหตุการณเปลี่ยนแปลง ขึ้นมาก็จะรับไมได ทําใจไมได เพราะรูสึกวาตองเปนอยูอยางนี้ตลอดเวลา ตองอยูกับเราตลอดเวลา สิ่งนี้ตองไมพรากจากเราไป หรือเราตองไมพราก จากสิ่งนี้ไป แตในความเปนจริงแลวทุกอยางจะเปลี่ยนไปตามเหตุปจจัย เราไมสามารถบังคับได ถาเปลี่ยนในเวลาที่เราตองการเราก็จะรูสึกสบายใจ