Page 54 - สภาพจิต
P. 54

48
ก็จะรู้อยู่แล้วว่าคิดเรื่องนู้นเรื่องนี้ คิดสัพเพเหระ คิดเรื่อง คิดเรื่อง ฯลฯ
ทนี พี้ อมคี วามคดิ เกดิ ขนึ้ ทา อยา่ อยา่ งไร ? อยา่ อยา่ งทเี่ คยบอกแลว้ วา่ ตอ้ ง ง ง ง ประกอบด้วยเจตนา อย่างเช่น เจตนาที่จะเข้าไปก�าหนดรู้ว่าความคิดท่ีก�าลังปรากฏเกิดขึ้นอยู่น้ี มีการเกิดดับในลักษณะอย่างไร ความคิดผุดขึ้นมาแล้วดับไป ผุดข้ึนมาแล้ว ดับไป ดับไป ขณะต่อไปความคิดแทนที่จะผุดขึ้นมา ก็ค่อย ๆ ๆ ๆ ไหล ค่อย ค่อย ค่อย ๆ ๆ ๆ เล่ือน ค่อย ค่อย ค่อย ๆ ๆ ๆ เคล่ือนเข้ามา พอมีสติเข้าไปรู้ก็ดับเด็ดขาดไป นี่คือลักษณะ อาการเกดิ ดบั ของความคดิ ทเี่ กดิ กดิ ขนึ้ มเี จตนาทจี่ ะรถู้ งึ อาการพระไตรลกั ษณ์ รู้การเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป อันนี้อย่างหนึ่ง กับอีกอย่างหนึ่งก็คือ เจตนาท่ี ถ้าประกอบด้วยเจตนา ในลักษณะอย่างน้ีไม่มีผิด สภาวธรรม อันนั้นก็จะเป็นตามนั้น เพราะฉะนั้น และถ้ามีเจตนาที่จะคิด ก็คิดได้
เม่ือมีเจตนาที่จะท�าความรู้จักหรือท�าความเข้าใจเร่ืองราวท่ีก�าลังคิด สา หรบั ผปู้ ฏบิ ตั ธิ รรมแลว้ การทจี่ ะทา ความเขา้ ใจใหช้ ดั เจน ทเี่ รามกั จะพดู คิดแบบเป็นกลาง ๆ ๆ นั้น จริง ๆ ๆ แล้ว คือพิจารณาด้วยความรู้สึกท่ีไม่มีเรา ไม่มีตัวตน ไม่คิดเข้าข้างตัวเอง ไมค่ ดิ ดิ ดิ เขา้ ขา้ ขา้ งคนอนื่ ใหค้ ดิ ดิ ดิ พจิ ารณาตามสภาวธรรมตามเหตปุ จั จั จยั ทเ่ี กดิ ขน้ึ “ตามเหตุปัจจัยที่เกิดขึ้น” ๆ บางทีคิดเข้าข้างตัวเอง โดยที่ไม่รู้ตัวก็มี เพราะฉะน้ัน การพิจารณาสภาวธรรม การเรียนรู้เร่ืองราว ทเ่ี กดิ ขนึ้ พจิ พจิ ารณาในลกั ษณะอยา่ งไรถงึ จะเปน็ การพจิ ารณาดว้ ยความไมม่ ี ตัวตน ? 































































































   52   53   54   55   56