Page 117 - ขอเสนอเชงนโยบายเพอสนบสนนฯ e-book 1_Neat
P. 117

6.2   การพัฒนานวัตกรรม



                                                เมื่อพิจำรณำภำพรวมสถำนภำพในส่วนของกำรลงทุนวิจัยและนวัตกรรมของ
                                         ประเทศพบว่ำ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตำมล�ำดับ (ภำพที่ 6-8) ซึ่ึ่งจะเห็นได้ว่ำ มูลค่ำ

                                         กำรลงทุนด้ำนวิจัยและนวัตกรรมของประเทศไทยมีมูลค่ำร้อยละ 1.11 ของ GDP
                                         ในปี 2561 หรือเป็นจ�ำนวนเงินประมำณ 182,357 ล้ำนบำท อย่ำงไรก็ดี เมื่อพิจำรณำ
                                         รำยละเอียดของข้อมูลกำรลงทุนกำรวิจัยและพัฒนำของภำคเอกชนพบว่ำ ในปี 2560

                                         มีมูลค่ำรวมประมำณ 123,942 ล้ำนบำท ซึ่ึ่งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่ำเมื่อเทียบกับปี 2558
                                         แต่ส่วนใหญ่เป็นกำรลงทุนในอุตสำหกรรมเป้ำหมำยที่มีศักยภำพเดิม โดยยังไม่ปรำกฎ
                                         สัดส่วนอย่ำงมีนัยส�ำคัญของกำรลงทุนในกำรวิจัยและนวัตกรรมในอุตสำหกรรม

                                         เป้ำหมำยในอนำคต นอกจำกนี้ในช่วงปี 2559 - 2561 มูลค่ำเพิ่มภำคอุตสำหกรรม
                                         ของไทยเติบโตเหลือเพียงร้อยละ 1 ต่อปี โดยเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภำค
                                         ซึ่ึ่งเติบโตถึงร้อยละ 1.5-3 ต่อปีแล้ว ประเทศไทยจ�ำเป็นต้องใช้นวัตกรรมในกำร

                                         ขับเคลื่อนมูลค่ำเพิ่มภำคอุตสำหกรรมให้เติบโตมำกกว่ำเดิม

                                                นอกจำกนี้ เมื่อพิจำรณำข้อมูลสัดส่วนกำรลงทุนกำรวิจัยและนวัตกรรมของ
                                         ภำคเอกชนต่อภำครัฐพบว่ำ เพิ่มขึ้นอย่ำงต่อเนื่องจำก 70:30 ในปี 2558 เป็น 78:22
                                         ในปี 2561 แต่เมื่อพิจำรณำข้อมูลอันดับควำมสำมำรถด้ำนนวัตกรรมของไทยตำมดัชนี

                                         ชี้วัด Global Innovation Index (GII) ในปี 2563 พบว่ำ ประเทศไทยอยู่ในอันดับ
                                         44 ซึ่ึ่งปรับลดลงหนึ่งอันดับจำกปีก่อนหน้ำ และถึงแม้ว่ำปัจจัยศักยภำพทำงกำร

                                         ตลำดศักยภำพทำงธุรกิจ และสัดส่วนบริษัทที่ใช้นวัตกรรมจะมีกำรปรับตัวเพิ่มขึ้น
                                         แต่ผู้ประกอบกิจกำรขนำดกลำงและขนำดย่อม (SMEs) ยังคงเน้นใช้เทคโนโลยี
                                         ขั้นต้นในกำรผลิตมำกกว่ำลงทุนเพื่อพัฒนำนวัตกรรม ท�ำให้ไม่สำมำรถเพิ่มมูลค่ำ

                                         ของผลิตภัณฑ์์ ตลอดจนผลิตภำพ (Productivity) อันจะน�ำไปสู่กำรลดต้นทุนกำรผลิต
                                         และเพิ่มขีดควำมสำมำรถในกำรแข่งขันในภำพรวม


























                                                                                              นักศึกษา วปอ. รุ่นที่ 63  115
   112   113   114   115   116   117   118   119   120   121   122