Page 51 - บทความวิชาการนานาชาติวารสารวิทยาลัยสงฆ์ปี60.
P. 51
123
วิทยาลัยสงฆ์นครน่านฯ เฉลิมพระเกียรติฯ
ปีก่อน แต่ยังคงมีควำมทันสมัย สำมำรถน่ำมำยึดถือและปฏิบัติได้เป็นอย่ำงดียิ ง และเมื อน่ำมำวิเครำะห์ดู ก็ 5. มัททวะ มีอัธยำศัยดีงำม ละมุนละไมอ่อนโยน สุภำพ ไม่กระด้ำงหยำบคำย
สำมำรถแบ่งออกได้เป็น 3 ข้อใหญ่ ซึ้งเป็นคุณธรรมของผู้น่ำเพื อกำรประพฤติปฏิบัติในกำรครองตน ครองคน 6. ตบะ คอยก่ำจัดและระวังไม่ให้อกุศลธรรม เช่น โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นในใจ
และครองงำนได้เป็นอย่ำงดี นั นก็คือ 7. อักโกธะ ระงับหรือขจัดได้ซึ งควำมโกรธได้แก่ เวลำโกรธต้องรู้จักระงับยับยั้ง ไม่ให้อ่ำนำจควำมโกรธ
ก. ให้มีควำมซื อสัตย์ เข้ำครอบง่ำ อย่ำลืมว่ำผู้น่ำเจ้ำอำรมณ์ไม่มีลูกน้องคนไหนอยำกอยู่ด้วย
ข. ให้มีควำมยุติธรรม 8. อวิหิงสำ ผู้น่ำที ดีต้องไม่ใช้อ่ำนำจในกำรเบียดเบียน รังแก ข่มเหงคนอื นหรือลูกน้องของตน แต่ต้อง
ค. ให้ท่ำงำนด้วยควำมตั้งใจที ดีและใช้หลักวิชำกำรในทำงที ถูกต้อง ใช้อ่ำนำจในทำงที ดีและเป็นธรรมอย่ำงเสมอภำคเท่ำเทียมกับทุกคน ไม่เลือกปฏิบัติ
องค์กรทั้งหลำยไม่ว่ำองค์กรของรัฐหรือบริษัทเอกชนจะเจริญก้ำวหน้ำและมีควำมยั งยืนได้ก็ต้องอำศัย 9. ขันติ มีควำมอดทนอดกลั้นสูงกว่ำลูกน้องหลำยเท่ำ ซึ งควำมอดทนอดกลั้นนี้ถือเป็นคุณสมบัติพิเศษ
บุคลำกรในองค์กรเป็นก่ำลังกำรขับเคลื อนน่ำพำองค์กรไปสู่เป้ำหมำยคือ ควำมส่ำเร็จ โดยเฉพำะผู้น่ำองค์กร ที ท่ำให้ผู้น่ำมีควำมงดงำมในตัว
หรือผู้บริหำรทุกระดับต้องถือว่ำมีบทบำทส่ำคัญยิ งเพรำะถ้ำองค์กรใดได้ผู้น่ำที ดีและมีควำมสำมำรถเข้ำมำ 10. อวิโรธนะ ไม่ว่ำจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องธ่ำรงไว้ซึ งควำมยุติธรรม ควำมถูกต้อง ไม่เอนเอียงเหมือนไม้
บริหำร องค์กรนั้นก็เป็นอันหวังควำมเจริญก้ำวหน้ำได้ แต่หำกได้ผู้น่ำไม่ดีบกพร่องด้ำนคุณธรรม ไม่มีควำม หลักปักเลน แต่เป็นเหมือนภูเขำที แม้จะถูกพำยุ ฝน ก็ไม่มีล้ม ไม่เอนเอียง
ซื อสัตย์สุจริตย่อมน่ำพำองค์กรไปสู่ควำมเสื อมได้ไม่วันใดก็วันหนึ ง ซึ งก็มีตัวอย่ำงให้เห็นในสังคมไทย
ผู้น่ำที ดีจึงต้องมีคุณสมบัติหรือมีควำมเพียบพร้อมด้วยคุณธรรมหลำยๆ อย่ำงอยู่ในตัว โดยคุณธรรม สรุป
ของผู้น่ำหำกยกหลักธรรมในทำงพระพุทธศำสนำก็ได้รับกำรจัดสรรไว้พร้อมสรรพ อยู่ที กำรเลือกสรรน่ำมำใช้ให้ จะเห็นว่ำ คุณลักษณะของผู้น่ำที พึงประสงค์ในยุคปัจจุบันเป็นสิ งที แสวงหำได้ สร้ำงสรรค์ให้บัง
9
เหมำะกับกำลเทศะ บุคคล และสถำนกำรณ์ดังนี้ เกิดขึ้นได้ “เป็นพรแสวง ไม่ใช่พรสวรรค์“ ให้สรรสร้ำงหำควำมสุขกับงำนในหน้ำที ให้มำกที สุดและดีที สุด ให้
ทศพิธรำชธรรม 10 พัฒนำตนเองแล้วน่ำมำเป็นแนวทำงแก้ปัญหำ พัฒนำหน่วยงำนของตนเอง ผู้น่ำควรหลีกเลี ยงกำรมุ่งมั นสร้ำง
11
บำงคนมีควำมเข้ำใจว่ำ ทศพิธรำชธรรมเป็นหลักธรรมหรือคุณธรรมของคนที เป็นพระรำชำเท่ำนั้น ไม่ ควำมส่ำเร็จในต่ำแหน่งให้กับตนเอง บนพื้นฐำนของควำมคิดสะสม เบียดเบียน ที มุ่งสร้ำงควำมร ่ำรวยทำง
เกี ยวกับคนทั วไป ควำมจริงแล้วทศพิธรำชธรรมเป็นหลักธรรมของคนที เป็นผู้น่ำต้องมีทั้งหลำยและพระรำชำก็ วัตถุนิยมแต่ “มีจิตใจที ยำกจน” เป็นกำรใช้ภำวะผู้น่ำที ไม่ถูกทิศทำง ซึ งเป็นหนทำงเสื อมส่ำหรับผู้น่ำในที สุด
ทรงเป็นผู้น่ำคนหนึ ง ผู้น่ำที พึงประสงค์ ซึ งเป็นผู้น่ำที สมบูรณ์แบบ ทั้งในด้ำนคุณภำพทำงจิตใจ และคุณภำพด้ำนควำมสำมำรถ
10
ทศพิธรำชธรรม หรือรำชธรรม 10 ถ้ำมีในผู้ใด ผู้นั้นย่อมเป็นที รัก เคำรพ นับถือ เป็นที เชิดชูของ กล่ำวคือ ในด้ำนคุณภำพทำงจิตใจก็เป็นผู้น่ำที เน้นคุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม ควำมซื อสัตย์ เป็นหลัก โดยมุ่ง
ประชำชน ลูกน้อง และบริวำร มี 10 ประกำร ดังนี้ ให้เกิดประโยชน์สุขแก่ปวงชนหรือหมู่คณะ แก่สังคม แก่โลก เป็นหลัก ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนหรือพวกพ้อง
1. ทำน กำรให้ปัน ผู้น่ำที ไม่รู้จักให้ หรือให้ไม่เป็น ไม่เคยยื นมือให้ควำมช่วยเหลือลูกน้องพนักงำน โดยท่ำตนเป็นผู้น่ำที เป็นที พึ งของหมู่ชน เป็นที พึ งของสังคม ตลอดจนเป็นที พึ งของมนุษยชำติอย่ำงสมบูรณ์
ผู้ใต้บังคับบัญชำ รับลูกเดียว ไม่มีให้หรือน้่ำใจแห้ง ไม่รู้จักให้อภัย ตระหนี ควำมรู้หวงวิชำ อย่ำได้หวังควำม ส่วนในด้ำนคุณภำพด้ำนควำมสำมำรถ ก็เป็นผู้น่ำที ประกอบด้วยองค์ควำมรู้ในด้ำนต่ำงๆ อย่ำงครบถ้วนเช่น
ยอมรับนับถือจำกลูกน้อง ด้ำนกำรจัดระบบบริหำรงำน ด้ำนควำมรู้พื้นฐำนทำงกฎหมำย เศรษฐกิจ สถำนกำรณ์โลกเป็นต้น ดังนั้น ผู้น่ำที
2. ศีล ควำมประพฤติดี ได้แก่ กำรส่ำรวมกำย วำจำ ใจ ให้เรียบร้อย สะอำดดีงำม ไม่ประพฤติผิดหรือ พึงประสงค์ในยุคโลกำภิวัตน์ตำมหลักครองตน ครองคน ครองงำน จึงเป็นผู้น่ำที สำมำรถครองตนให้เป็นที
ควำมเสื อมเสียทำงกำยวำจำ ยอมรับนับถือและศรัทธำของบุคคลต่ำง ๆ ทั้งภำยในและภำยนอกองค์กร อีกทั้งเป็นผู้น่ำที ครองคนด้วยควำม
3. ปริจจำคะ กำรรู้จักเสียสละ เช่น เสียสละประโยชน์ตน เพื อประโยชน์ส่วนรวมไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็น ยุติธรรมโดยกำรสร้ำงทีมงำนที แข็งแกร่งในกำรบริหำรงำน และเป็นผู้น่ำที ครองงำนด้วยกำรพัฒนำระบบกำร
แก่ได้ บริหำรงำนในองค์กรให้เป็นองค์กรแห่งกำรเรียนรู้ที มุ่งเน้กำรแก้ปัญหำโดยใช้องค์ควำมรู้เป็นฐำน (knowledge-
4. อำชชวะ มีใจซื อตรงยึดมั นในสุจริตธรรม ปรำศจำกอคติทั้งปวง มีควำมตรงไปตรงมำ ไม่โลเล based problem) ท่ำให้บุคลำกรเป็นผู้รอบรู้ (Personal Mastery) มีกำรคิดอย่ำงเป็นระบบ (System
เหลำะแหละ Thinking) มีโมเดลควำมคิด (Mental Models) มีทีมกำรเรียนรู้ (Team Learning) ตลอดจนมีวิสัยทัศน์
9 พระพรหมคุณำภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต), พจนำนุกรมพุทธศำสตร์ ฉบับประมวลธรรม, พิมพ์ครั้งที 16 ,
(กรุงเทพมหำนคร : บริษัท เอส. อำร์. พริ้นติ้ง แมส โปรดักส์ จ่ำกัด, 2551), หน้ำ 326. 11 รัชนีกร อินทฉิม. “เรื องคุณลักษณะของผู้บริหำรที พึงประสงค์. 2009. [ออนไลน์]. แหล่งข้อมูล:
10 ทศพิธรำชธรรม ขุ.ชำ. (ไทย) 28/176/112. klangnoi.udon4.go.th/data/V8.doc, [10 กรกฎำคม 2560].