Page 54 - บทความวิชาการนานาชาติวารสารวิทยาลัยสงฆ์ปี60.
P. 54

126    งานประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 1




            บทน า                                                                                                    พระพุทธศำสนำจึงได้ก่ำหนดอัตถะ หรือประโยชน์ที เป็นเป้ำหมำยหลักและเป้ำหมำยรองเอำไว้ เพื อเป็นหลักใน
                                                                       1
                    พระพุทธศำสนำกับกำรพัฒนำสังคมไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน  มีเนื้อหำครอบคลุมถึงวิถีชีวิต ควำม        กำรด่ำเนินชีวิตและเป็นที มุ่งหวังส่ำหรับมนุษย์เอำไว้ 3 ระดับ ดังนี้
            เป็นอยู่ ควำมนึกคิดแทบทุกด้ำนและที ส่ำคัญพระพุทธศำสนำเป็นศำสนำแห่งกำรกระท่ำ (กรรมวำท และกิริยำ             1) ทิฏฐิธัมมิกัตถะ จุดหมำยขั้นตำเห็น หรือประโยชน์ปัจจุบัน เช่นมีสุขภำพที ดี มีเงินใช้และมีงำนท่ำ มี
            วำท) เป็นศำสนำแห่งควำมเพียรพยำยำม (วิริยวำท) ไม่ใช่ศำสนำแห่งกำรอ้อนวอน  ปรำรถนำ  กำรสั งสอน              สถำนภำพที ดี และมีครอบครัวที ผำสุก เป็นต้น

            ธรรมของพระพุทธเจ้ำทรงมุ่งผลในทำงปฏิบัติให้ทุกคนจัดกำรกับชีวิตที เป็นอยู่จริง ๆ ในโลกนี้และเริ มต้นแต่                2) สัมปรำยิกัตถะ จุดหมำยขั้นเลยตำเห็น หรือประโยชน์เบื้องหน้ำ เช่น ควำมอบอุ่นซำบซึ้งสุขใจ
            บัดนี้                                                                                                   ควำมภำคภูมิใจ ควำมอิ มใจ ควำมแกล้วกล้ำมั นใจ และควำมโล่งจิตมั นใจ เป็นต้น
                    ค่ำว่ำ “พระพุทธศำสนำ”แยกได้เป็น 2 ค่ำ คือ ค่ำว่ำ พระ แปลว่ำประเสริฐ ดีเลิศ ค่ำว่ำ พุทธ แปลว่ำ                3) ปรมัตถะ จุดหมำยสูงสุด หรือประโยชน์อย่ำงยิ ง เช่น ไม่หวั นไหวต่อโลกธรรม ไม่ผิดหวังและ

            ผู้รู้-ผู้ตื น-ผู้เบิกบำนในที นี้หมำยถึงท่ำนผู้ตรัสรู้อริยสัจ 4 อย่ำงถ่องแท้ส่วน   ค่ำว่ำ ศำสนำแปลว่ำค่ำสอน หำก  เศร้ำ มีควำมปลอดโปร่งสงบ และเป็นอยู่ด้วยปัญญำ เป็นต้น
            รวมกัน พระพุทธศำสนำ โดยควำมหมำยแล้ว หมำยถึงศำสนำแห่งควำมรู้แจ้ง เป็นศำสนำที มีพระรัตนตรัย เป็น                       จะเห็นได้ว่ำพระพุทธศำสนำมีหลักค่ำสอนที มีเหตุและผลเป็นศำสนธรรมว่ำโดยแม่บทอันเป็น
            สรณะอันสูงสุด อันได้แก่ พระพุทธเจ้ำ พระธรรม และ พระสงฆ์ โดยพระรัตนตรัยทั้ง 3 นี้ย่อมมีคุณเกี ยวพัน       หลักกำรใหญ่ที เรียกว่ำ ปำพจน์ มี 2 อย่ำงคือ พระธรรมกับพระวินัย ว่ำโดยปิฎกซึ งเป็นคัมภีร์หลักของศำสนำมี
            เป็นอันเดียวกัน จะแยกออกจำกกันโดยเฉพำะไม่ได้ ด้วยพระพุทธเจ้ำทรงตรัสรู้ธรรมก่อนแล้วสอนให้พระสงฆ์รู้       3 คือ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎก ว่ำโดยหัวข้อที เรียกว่ำธรรมขันธ์มี 84,000 พระ
                                                                                                                             3
            ธรรม พระธรรมนั้น พระสงฆ์ซึ งเป็นสำวกของพระพุทธเจ้ำย่อมจ่ำทรงไว้ ปฏิบัติและสั งสอนสืบต่อพระศำสนำ          ธรรมขันธ์
                                                                                        2
            พระรัตนตรัย หรือพระไตรรัตน์ หมำยถึง แก้วสำมประกำรอันประเสริฐสุดของพุทธศำสนิกชน  ที เรียกว่ำ รัตน
            (แก้ว) เพรำะว่ำเป็นสิ งที ประเสริฐ มีค่ำสูง และหำได้ยำก เทียบด้วยดวงแก้วมณีและ ในบรรดำองค์แห่งควำมรู้    ความเป็นมาของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย
            ในพระพุทธศำสนำทั้งหมดนั้นเป็นควำมรู้ที พระพุทธเจ้ำทรงศึกษำค้นคว้ำวิจัยด้วยพระองค์เองจนสำมำรถ                    พระพุทธศำสนำเป็นศำสนำประจ่ำชำติไทย ด้วยชนชำติไทยได้นับถือและยกย่องเทิดทูนเป็นสรณะแห่ง

            ก่ำหนดเป็นทฤษฎีแห่งควำมรู้ต่ำง ๆ มำกมำย ในที นี้จะแบ่งลักษณะควำมรู้ที พระพุทธเจ้ำทรงสั งสอนเพียงแค่      ชีวิต สืบทอดต่อเนื องกันมำเป็นเวลำช้ำนำน ขนบธรรมเนียมประเพณีและศิลปวัฒนธรรมของชำติส่วนใหญ่ มี
            น้อยนิดเท่ำนั้น แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ ดังนี้                                                              พื้นฐำนมำจำกพระพุทธศำสนำ    องค์พระมหำกษัตริย์ซึ งทรงเป็นพระประมุขของชำติทุก ๆ พระองค์ทรงเป็น
                        1.  ค่ำสอนที ทรงค้นพบใหม่ เช่น อริยสัจ ปฏิจจสมุปบำท เป็นต้น                                  พุทธมำมกะ ทรงด่ำรงอยู่ในฐำนะเป็นองค์เอกอัครศำสนูปถัมภก ทรงยกย่องเชิดชูพระพุทธศำสนำตลอดมำ
                        2.  ค่ำสอนที ทรงปฏิรูปจำกลัทธิ ศำสนำเดิม เช่น กำรท่ำบุญให้ได้ผลสมบูรณ์                       ตั้งแต่อดีตอันยำวนำน จวบจนกำลปัจจุบัน อันแสดงให้เห็นเป็นประจักษ์ว่ำพระพุทธศำสนำได้สถิตสถำพรเป็น

            จะต้องท่ำกับผู้เป็นพรำหมณ์โดยก่ำเนิด หรือบริสุทธิ์โดยตระกูล พระองค์ทรงปฏิรูปโดยให้ท่ำกับปฏิคำหก          มิ งขวัญของชำติไทยตลอดมำทุกยุคทุกสมัย
            (ผู้รับ) ที มีศีลบริสุทธิ์มีคุณธรรม และทำยก (ผู้ถวำยหรือผู้ให้) จะต้อง ควำมบริสุทธิ์ใน 3 กำล คือก่อนให้-ขณะ       กล่ำวได้ว่ำชำติไทยได้มีควำมเจริญมั นคง ด่ำรงเอกรำชอธิปไตยสืบทอดต่อกันมำตั้งแต่โบรำณกำล
            ก่ำลังให้-หลังจำกให้แล้ว                                                                                 จวบจนกำลปัจจุบัน ก็ด้วยคนไทยทั้งชำติยึดมั นอยู่ในหลักธรรมทำงพระพุทธศำสนำ มีควำมเคำรพบูชำพระ

              3. ค่ำสอนที ทรงปฏิวัติ เช่น กำรฆ่ำสัตว์บูชำยัญจัดเป็นมหำมงคลอย่ำงยิ งสำมำรถบันดำลให้ตนส่ำเร็จตำม       รัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์เป็นสรณะ พระพุทธศำสนำจึงมีบทบำทส่ำคัญยิ งต่อชีวิตของชำว
            ปรำรถนำ พระองค์ทรงเห็นตรงกันข้ำมว่ำกำรฆ่ำเป็นบำปทั้งสิ้น  ควำมรู้ในพระพุทธศำสนำแม้จะมำกมำย ถึง           ไทย โดยมีส่วนเสริมสร้ำงอุปนิสัยของคนในชำติให้รักควำมสงบ มีควำมเสียสละ แกล้วกล้ำ อำจหำญ รอบรู้
            กระนั้นก็ตำมพระพุทธศำสนำมีเป้ำหมำยสูงสุดอยู่ที พระนิพพำน คือกำรหลุดพ้นจำกกำรเวียนว่ำยตำยเกิด             ฐำนะ อฐำนะ มีควำมรักและยึดมั นอยู่ในสำมัคคีธรรม
            ดังนั้นกำรบรรลุนิพพำนก็คือกำรเข้ำถึงควำมดับทุกข์โดยสิ้นเชิง และบรรลุควำมสุขอย่ำงสูงสุด จิตของผู้บรรลุ            โดยที พระพุทธศำสนำเป็นศำสนำประจ่ำชำติไทยดังกล่ำวนี้ ชำวไทยส่วนใหญ่ประมำณร้อยละ 95
            นิพพำนย่อมมีควำมสะอำดสว่ำงและสงบตลอดเวลำที มีชีวิตอยู่และเมื อดับขันธ์แล้วก็เป็นกำรสิ้นทุกข์ ไม่กลับมำ   ของประชำกรทั้งประเทศเป็นพุทธศำสนิกชน เป็นผู้นับถือพระพุทธศำสนำ พระพุทธศำสนำมีอิทธิพลเป็นอัน

            เวียนว่ำยตำยเกิดในวัฏสงสำรอีกต่อไป เมื อมนุษย์ไม่สำมำรถเข้ำสู่เป้ำหมำยอันสูงสุดได้อย่ำงรวดเร็วทำง        มำกต่อควำมเชื อ และควำมประพฤติ หรือกำรด่ำรงชีวิตของคนไทยส่วนใหญ่



                   1  พระครูโสภณปริยัติสุธี (ศรีบรรดร ถิรธมฺโม), ทฤษฎีรัฐศาสตร์ในพระไตรปิฎก, พิมพ์ครั้งที  2, (พะเยำ: โรงพิมพ์
            เจริญอักษร, 2550), หน้ำ 1 - 3.
                   2  รำชบัณฑิตยสถำน, พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระ                 3  คูณ โทขันธ์,  พุทธศาสนากับสังคมและวัฒนธรรมไทย, (กรุงเทพมหำนคร: โอ.เอส.พริ้นติ้ง เฮ้ำส์ , 2545),      หน้ำ
            เจ้าอยู่หัว, กรุงเทพพฯ : รำชบัณฑิตยสถำน, 2556, หน้ำ 988                                                  1.
   49   50   51   52   53   54   55   56   57   58   59