Page 48 - บทที่ ๑
P. 48
๓๕
ชีวีเปรต ทนทุกขเวทนาอดอยาก ร่างกายซูบผอม พระผู้เป็นเจ้ามีความเมตตาระลึกถึงพระคุณแห่งมารดา
จึงยื่นบาตรข้าวให้มารดาบริโภค ครั้นมารดารับเอาบาตรอาหารถึงมือแล้ว แต่ยังไม่ทันที่จะบริโภค
อาหารในบาตรนั้นก็กับกลายเป็นไฟลุกขึ้นเป็นเพลิงพวยพุ่งออกมาทำให้ไม่อาจจะบริโภคได้ พระโมคคัล
ลานะเถระเจ้าจึงนำเอาเหตุนี้มากราบทูลต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธองค์ได้มีพุทธฎีกา
ตรัสแก่พระโมคคัลลานะเถระเจ้าว่า “ดูกร โมคคัลลานะ มารดาของเธอนั้นสร้างเวรกรรมไว้แต่ชาติปาง
ก่อนหนาแน่นมาก เหลืออำนาจของเธอแต่ผู้เดียวที่จะโปรดมารดาเธอให้พ้นจากกองทุกข์ได้ ต้องพึ่งบารมี
พระอริยสงฆ์เจ้าทั้งสิบทิศจึงจะโปรดมารดาเธอให้พ้นจากกองทุกข์นั้นได้” พระโมคคัลลานะเถระเจ้าเมื่อ
ได้รับพระพุทธฎีกาดังนั้นแล้ว ท่านก็ได้ทำปฏิหาริย์ไปอาราธนาพระอริยสงฆ์เจ้าทั้งสิบทิศมาประชุม
สันนิบาตพร้อมกัน พระผู้เป็นเจ้าจึงจัดเครื่องอาหารบิณฑบาตถวายพร้อมกันทั้งไทยทานต่าง ๆ เสร็จแล้ว
มารดาของพระโมคคัลลานะเถระเจ้าจึงได้พ้นจากกองทุกข์ไปสู่สุคติ โดยพึ่งอำนาจบารมีอภินิหารแห่ง
พระผู้มีพระภาคเจ้าและอริยสงฆ์ทั้งสิบทิศ ต้นเหตุมีมาจากพระสูตรดังกล่าวนี้ พระสงฆ์ฝ่ายอนัมนิกายจึง
ได้กระทำสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
บทสรุป
การทอดกฐิน ในพระสงฆ์ฝ่ายอนัมนิกาย ไม่ต่างจากฝ่ายเถรวาทประเทศไทยเท่าใดนักเพราะบาง
สิ่งบางอย่างก็ประยุกต์ให้เข้ากับฝ่ายเถรวาทด้วย แต่ยังคงเหลือไว้ซึ่งบทสวดมนต์ที่ยังต่างกันอยู่ และวัน
เวลาการรับกฐินยังคงรักษาไว้ซึ่งธรรมเนียมปฏิบัติสืบทอดต่อ ๆ กันมาอยู่อย่างไม่เปลี่ยนแปลง
พิธีบูชาดาวนพเคราะห์ เป็นพิธีสงฆ์อนัมนิกาย โดยส่วนใหญ่แล้วจะจัดหลังตรุษจีน ต้นปีศักราช
ซึ่งเป็นการขอพรและเสดาะเคราะห์ให้ได้รับความสุขตลอดทั้งปี ตามความเชื่อที่ปฏิบัติกันสืบต่อมา โดยมี
ดวงดาวนพเคราะห์ทั้ง ๙ คอยคุ้มครองปกปักรักษาอยู่ตลอดทั้งปีนั่นเอง
พิธีการออกพรรษา เป็นพิธีหนึ่งที่เมื่อเข้าพรรษา และจะต้องปวารณาออกพรรษา เพื่อการจาริก
ไปแสวงหาธรรมและสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไป โดยทางพระสงฆ์อนัมนิกายกำหนดไว้วัน ๑๖ ค่ำ
เดือน ๗ นั่นเอง
พิธีตรายตัง เรียกอีกอย่างว่า พิธีถวายข้าวสงฆ์ หรือ ถวายสังฆทาน ตามแบบประเพณีสงฆ์
ญวนนั่นเอง ซึ่งปัจจุบันนี้มีเพียง ๒ วัดเท่านั้นที่ยังรักษาประเพณีไว้อย่างเดิมอยู่ คือวัดกุศลสมาคร และวัด
ถาวรวราราม กาญจนบุรี

