Page 16 - สมัยประชาธิปไตย
P. 16
ประวัติศาสตร์ ม. ๓ หน่วยการเรียนที่ ๔ ประวัติศาสตร์ไทยสมัยประชาธิปไตย ๑๔
จัดการศึกษาทั้ง ๓ ส่วน เหมือนแผนการศึกษาชาติ พ.ศ. ๒๔๗๕ กล่าวคือ ยังคงให้ความส าคัญของจริยศึกษา พุทธิ
ศึกษาและพลศึกษา มีข้อแตกต่างจากแผนการศึกษาฉบับแรกคือ มีการจัดสายอาชีวศึกษาไว้ ให้นักเรียนที่เรียนจบชั้น
ประถม ( ป. ๑ – ป. ๔ ) มัธยมต้น ( ม. ๑ – ม. ๓ ) และมัธยมปลาย ( ม. ๔ – ม. ๖ ) จัดตั้งโรงเรียนอาชีวศึกษาทั้งใน
ส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ผู้ที่ประสงค์จะเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา ( มหาวิทยาลัย ) จะต้องเรียนในระดับเตรียม
อุดมศึกษาก่อนอีก ๒ ปี ( มัธยมปีที่ ๗ – ๘ ) ในขณะนั้นประเทศไทยมีสถาบันในระดับอุดมศึกษาดังนี้
จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย พ.ศ. ๒๔๕๙
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง พ.ศ. ๒๔๗๗
มหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ พ.ศ. ๒๔๘๕
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. ๒๔๘๖
มหาวิทยาลัยศิลปากร พ.ศ. ๒๔๘๖
กวีและวรรณกรรม
พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ ( พ.ศ. ๒๔๑๙ – พ.ศ. ๒๔๘๗ ) มีชีวิตอยู่ในสมัยรัชกาลที่ ๕ – ๘)
ประสูติเมื่อ ๑๐ มกราคม ๒๔๑๙ มีพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้ารัชนีแจ่มจรัส ใช้นามปากกาว่า น.ม.ส. มาจากค าท้าย
ของ “รัชนีแจ่มจรัส” เริ่มการศึกษา ในโรงเรียนพระต าหนักสวนกุหลาบ จนอายุ ๑๗ ปีเข้ารับราชการ ถึง พ.ศ. ๒๔๔๐
ได้ศึกษาวิชาพื้นฐานต่อที่ยุโรป
เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ( สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา พ.ศ. ๒๔๑๙ – ๒๔๘๖ )
เป็นบุตรของพระยาไชยสุรินทร์ ( เจียม เทพหัสดิน ณ อยุธยา ) เกิดเมื่อ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๑๙ เริ่มการศึกษาที่
โรงเรียนบพิตรภิมุข แล้วย้ายไปต่อที่โรงเรียนพระต าหนักสวนกุหลาบ โรงเรียนสุนันทาลัย โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์ แล้ว
รับราชการครู จนถึง พ.ศ. ๒๔๓๙ ไปศึกษาต่อ ณ ประเทศอังกฤษ กลับมารับราชการในกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อ ๙
มกราคม พ.ศ. ๒๔๔๑ นาน ๒๖ ปี ต่อมาได้เป็นเสนาบดีกระทรวงศึกษาธิการ ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น
เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ถึงแก่อนิจกรรม ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๖
ผลงานของท่าน ในนามปากกา ครูเทพ อาทิ บทเพลงกราวกีฬา โคลงกลอนครูเทพ จันทรชิต แม้เมฆด ายังแรขอบน้ า
เงิน ยิหวาวิทยุ มีบทละครพูด ๔ เรื่อง คือ บ๋อยใหม่ แม่ศรีครัว หมั้นไว้ ตาเงาะ และเรื่องสั้นอีกมายมาย
พระยาศรีสุนทรโวหาร ( ผัน สาลักษณ์ พ.ศ. ๒๔๒๔ – พ.ศ. ๒๔๖๖ )
เกิด ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๒๔ เป็นบุตรของพระยาศรีภูริปรีชา (กมล) สมุหพระอาลักษณ์ พระยาศรีสุนทรโวหาร เริ่ม
ศึกษา ในโรงเรียนพระต าหนักสวนกุหลาบ แล้วบวชอยู่ ณ วัดบวรนิเวศ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๘ ได้ลาสิขาบทเมื่อ พ.ศ.
๒๔๔๓ เข้าท างานเป็นเสมียนเอกในกรมราชเลขานุการ และย้ายไปรับราชการเป็นนายอ าเภอ ต่อมากลับเข้าท างานใน
กรมอาลักษณ์ จนได้เป็นเจ้ากรมพระอาลักษณ์ ใน พ.ศ. ๒๔๕๙ งานนิพนธ์ที่ส าคัญคือ อิลราชค าฉันท์
นายชิต บุรทัต ( พ.ศ. ๒๔๓๕ – พ.ศ. ๒๔๘๕ )
ผู้สอน ครูจิราพร พิมพ์วิชัย