Page 3 - วิธีการทางประวัติศาสตร์
P. 3
ประวัติศาสตร์ ม. ๓หน่วยการเรียนที่ ๑ วิธีการทางประวัติศาสตร์ ผู้สอน ครูจิราพร พิมพ์วิชัย 2
ล าดับความส าคัญของหลักฐานทางประวัติศาสตร์
การตรวจสอบและประเมินหลักฐานทางประวัติศาสตร์ จ าเป็นต้องหาวิธีการที่เป็นแนวทางในการปฏิบัติจึงมี
การจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหลักฐานออกเป็น ๒ อันดับ คือ
1. หลักฐานชั้นต้น (Primary Sources) คือหลักร่วมสมัยที่บันทึกไว้โดยผู้เกี่ยวข้องโดยตรงหรือเป็นผู้รู้เห็น
เหตุการณ์ด้วยตัวเอง
2. หลักฐานชั้นรอง (Secondary Sources) คือหลักฐานที่บันทึกขึ้นภายหลังเหตุการณ์โดยการฟังค าบอก
เล่าของบุคคลอื่น หรือค้นคว้าจากหลักฐานชั้นต้นเพิ่มเติม
การแบ่งหลักฐานออกเป็นชั้นต้นและชั้นรองก็เพื่อประโยชน์ในการประเมินความน่าเชื่อถือ
ของหลักฐาน เพราะหลักฐานที่บันทึกโดยผู้อยู่ในเหตุการณ์ รู้เห็นข้องเท็จจริงมาด้วยตนเอง ย่อมน่าเชื่อถือกว่าการรับรู้
จากผู้อื่น เรื่องราวที่บันทึกขึ้นในสมัยเดียวกันก็ย่อมจะน่าเชื่อถือกว่าเรื่องที่บันทึกหลักเหตุการณ์นับร้อยปีอย่างไรก็ตาม
ยังไม่ควรจะด่วนเชื่อเช่นนั้นทันทีเพราะหลักฐานชั้นต้นก็อาจจะให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนได้เช่นกันผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์
อาจจะบันทึกผิดพลาดจากความเป็นจริงได้ เพราะความไม่เข้าใจสถานการณ์ที่แท้จริงหรืออาจจงใจปกปิดบิดเบือนความ
จริงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนหรือพรรคพวก หรืออาจมีจุดประสงค์จะสรรเสริญผู้เป็นนาย ปัดความผิดให้ผู้อื่น
ในทางตรงกันข้าม หลักฐานชั้นรองที่บันทึกภายหลังโดยบุคคลนอกเหตุการณ์ อาจจะเสนอเรื่องราวด้วยความเป็นกลาง
และให้ความจริงที่ถูกต้องน่าเชื่อถือกว่าก็ได้
ประเภทของหลักฐานทางประวัติศาสตร์
หลักฐานทางประวัติศาสตร์ของไทยแบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ
1. หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์ หมายถึง หลักฐานที่เป็นตัวหนังสือ มนุษย์ในแต่ละสังคมได้ทิ้งหลักฐานที่เป็น
ตัวหนังสือประเภทต่างๆ ไว้มากมาย บนแผ่นศิลา โลหะ ใบลาน กระดาษ หรือผ้าไหม หลักฐานลายลักษณ์ของไทย เช่น
จารึก ต านาน พงศาวดาร จดหมายเหตุ บันทึกความทรงจ า หนังสือพิมพ์ วารสาร กฎหมาย จดหมาย เอกสารราชการ
งานวรรณกรรม เละงานนิพนธ์ทางประวัติศาสตร์
2. หลักฐานที่ไม่เป็นลายลักษณ์ หมายถึง หลักฐานที่ไม่ได้บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร แต่เป็นผลงานที่
มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นและหลงเหลือตกทอดมาตามกาลเวลา หลักฐานประเภทนี้มีทั้งหลักฐานสมัยก่อนประวัติศาสตร์และ
หลักฐานสมัยประวัติศาสตร์ ได้แก่
หลักฐานทางโบราณคดี ได้แก่ โบราณสถาน เช่น พระราชวัง วัด เจดีย์ ก าแพงเมือง คูเมือง และ
โบราณวัตถุ เช่น พระพุทธรูป เครื่องปั้นดินเผา เครื่องประดับหินหรือเปลือกหอย เป็นต้น
หลักฐานทางศิลปกรรมและสถาปัตยกรรม เช่น จิตกรรม ประติมากรรม ปราสาทหิน ปราสาทราช
มณเฑียร เรือนไทย พระพุทธรูป เจดีย์ เป็นต้น
หลักฐานทางนาฏกรรมและดนตรี เช่น เพลงพื้นบ้าน เพลงกล่อมเด็ก ละคร ดนตรี เป็นต้น
หลักฐานจากขนบธรรมเนียมประเพณีและคติความเชื่อของชนกลุ่มต่าง ๆ
หลักฐานจากค าบอกเล่า ที่ถ่ายทอดหรือเล่าสืบต่อกันมาและการสัมภาษณ์สอบถามจากบุคคลทั่วไป
หลักฐานประเภทโสตทัศน์ เช่นภาพถ่าย ภาพถ่ายทางอากาศแผนที่ ภาพยนตร์