Page 13 - ประวัติศาสตร์จานเดียวพม่า
P. 13
ประวัติศาสตร์จานเดียว
เสื่อมอำานาจประมาณปลายคริสต์ศตวรรษที่ ๘ จากการที่ถูกอาณาจักรน่าน
เจ้าที่อยู่ด้านบนเริ่มขยับเข้ามาเรื่อยๆ และยังแผ่กว้างออกไปทางฝั่งตะวัน
ออก และยังมีเอี่ยวมาทางตอนใต้ซึ่งพวกมอญปักหลักอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น
มอญก็ยังคงความเป็นใหญ่ทางตอนใต้เอาไว้ได้
น่าแปลกที่มอญทำาไมไม่ตะลุยขึ้นไปยึดเอาเมืองของพวกพยู ก็คง
มีบ้างที่ขอขยายดินแดนเสียหน่อย แต่มอญก็ไม่เคยบุกไปไกลเกินกว่าพะโค
(หงสาวดี) คือตอนบนของแม่น้ำาอิระวดีนี่มอญเขาไม่สน สนใจเฉพาะดินแดน
สามเหลี่ยมปากแม่น้ำา อาจเพราะมันดินดีอุดมสมบูรณ์ เพาะปลูกอะไรก็ขึ้น
อีกทั้งพวกพยูก็แข็งแกร่ง แถมมอญยังไม่ได้รวมตัวกันเป็นอาณาจักรอย่าง
ที่เล่าไว้ตอนต้น ครั้นจะรวมตัวกันเพื่อไปชิงบ้านเมืองอื่นเขามันก็กระไรอยู่
ว่าใครจะนำาใคร มอญจึงพอใจกับดินแดนกว้างใหญ่ที่ตัวเองครอบครองอยู่
และเจริญรุ่งเรืองในทุกๆ ด้าน ตั้งแต่คริสต์ศวรรษที่ ๗-๙ จากความรุ่งเรือง
อย่างยาวนานนี้เองทำาให้วัฒนธรรมมอญซึมลึกลงไปในดินแดนแถบนี้ ขนาด
ที่ว่าแม้จะถูกพม่ากลืนเข้าไป แต่วัฒนธรรมของพวกเขาก็ยังคงอยู่
แม้ว่ามอญบนดินแดนพม่าจะไม่ได้รวมตัวเป็นอาณาจักร แต่มอญ
ทางฝั่งไทยกลับสร้างอาณาจักรทวาราวดีขึ้นมาทางลุ่มแม่น้ำาเจ้าพระยา มี
เมืองละโว้เป็นศูนย์กลาง และยังเจริญรุ่งเรืองสุดๆ เป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่
มากบนแผ่นดินเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สูสีกันกับอาณาจักรขอม ขณะ
ที่มอญทางฝั่งพม่ากลับรวมตัวกันเข้าทำานองเป็น สหพันธรัฐมอญ ซึ่งก็
เก่งกาจไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน สามารถขับไล่พวกพยูให้ร่นขึ้นไปจากสามเหลี่ยม
ปากแม่น้ำา และยังต่อกรกับน่านเจ้าได้อย่างทัดเทียม เสียตรงที่ความเป็น
สหพันธรัฐ ทำาให้รวมตัวกันไม่เป็นปึกแผ่นเสียที จนกลายเป็นเหตุให้เกิด
ความยุ่งยากภายหลัง
********************
๕