Page 133 - ประวัติศาสตร์จานเดียวพม่า
P. 133
ประวัติศาสตร์จานเดียว
จึงต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน
********************
ศาสตราจารย์พิเศษ เสฐียร พันธรังษี ราชบัณฑิต ท่านได้วิเคราะห์
เอาไว้ตั้งแต่ก่อนปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ในหนังสือ ราชบัลลังก์พม่า ซึ่งเป็นความ
เห็นน่าสนใจและเป็นไปได้ค่อนข้างมาก ท่านวิเคราะห์ว่าในช่วงสงครามนั้น
อังกฤษอาศัยพระมหาเจดีย์ชเวดากองเป็นตัวประกัน เหมือนที่เคยเล่าไว้ใน
ตอนต้นๆ ว่าทหารอังกฤษตั้งฐานที่มั่นโดยอาศัยพระมหาเจดีย์เป็นฉากหลัง
คนพม่านั้นกลัวจะทำาให้พระมหาเจดีย์พัง จึงขอยอมแพ้มากกว่า อันนั้นก็
ส่วนหนึ่ง แต่ภายหลังจากที่อังกฤษเข้าครอบครองดินแดนปากแม่น้ำาได้แล้ว
นี่สิ
อังกฤษน่าจะอ่านออกว่าปกครองแผ่นดินเปล่าๆ ที่ไม่มีคนมันจะ
มีประโยชน์อะไร พระมหาเจดีย์นั้นใช่ว่าจะมีผู้ศรัทธาเฉพาะชาวพม่า คน
อินเดีย คนธิเบต ที่นับถือศาสนาพุทธเขาก็ศรัทธา เขาก็เดินทางมานมัสการ
กันอยู่ทุกบ่อย เทียบกับยุคนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับนักท่องเที่ยวที่แห่กันไปเที่ยว
พม่า สิ่งที่ตามมาคือการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ เม็ดเงินที่ไหลเข้ามาจากผู้
แสวงบุญแต่ละปีนั้นมหาศาล เกิดรายได้ เกิดการจ้างงาน เมืองก็มีชีวิตชีวา
ไม่ใช่แค่เมืองร้างเปล่าๆ ในช่วงต้นนั้นคนพม่ายังคงเกรงกลัวอังกฤษ พากัน
อพยพหนีไปอยู่ตอนบนเสียหมด
พอได้เข้ามาครอบครอง อังกฤษก็เริ่มบูรณะพระมหาเจดีย์ ตลอด
จนฟื้นฟูสภาพบ้านเมือง ปรับปรุงการคมนาคมให้สะดวก ไม่เฉพาะในเขต
พม่า แต่รวมไปถึงเส้นทางระหว่างประเทศด้วย คนพม่าที่อพยพไปทางตอน
บนก็ใช่ว่าจะไปเจอชีวิตที่ดีกว่า เมื่อเห็นบ้านเกิดเมืองเก่าได้รับการฟื้นฟู เขา
ก็อยากกลับมาถิ่นเดิมของตนมากกว่า ยิ่งพระมหาเจดีย์ยังคงอยู่ ต่อให้มีคน
๑๒๕