Page 221 - ประวัติศาสตร์จานเดียวพม่า
P. 221
ประวัติศาสตร์จานเดียว
ซูจียังคงซุกซนและอยากรู้ทุกเรื่องตามประสาเด็กทั่วไป คำาตอบที่
เธอต้องการส่วนใหญ่ได้จากมารดา จนเมื่ออายุ ๑๐ ขวบ เธอก็เลือกที่จะหา
คำาตอบของโลกกว้างจากการอ่านหนังสือ ซูจีอ่านทุกอย่างที่มีตั้งแต่นิทาน
พม่า เทพนิยายตะวันตก ปรัชญา เธอชื่นชอบนิยายสืบสวนเป็นพิเศษ โดย
เฉพาะนิยายสืบสวนของ เซอร์ อาเธอร์ โคนัน ดอยล์ จากนั้นจึงพัฒนาไปสู่
การอ่านเนื้อหาที่หลากหลายยิ่งขึ้น จนเป็นที่รู้กันว่าเธอจะพกหนังสือติดตัว
ไปด้วยทุกแห่งเสมอ
เธอจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่ประเทศอินเดีย และเลือกเข้า
เรียนต่อสาขาเศรษฐศาสตร์ที่ วิทยาลัยสตรีศรีราม (Lady Shri Ram College)
แต่เรียนได้เพียงสองปีก็ย้ายไปเรียนต่อที่ มหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด ประเทศ
อังกฤษ ในสาขาเศรษฐศาสตร์ ปรัชญา และการเมือง ที่นั่นเองเธอได้พบรัก
กับ ไมเคิล เอริส (Michael Aris) นักศึกษาประวัติศาสตร์ที่กำาลังค้นคว้าเรื่อง
วัฒนธรรมธิเบต ทั้งคู่ตกลงใจแต่งงานกันในปี พ.ศ. ๒๕๑๔ โดยที่ขิ่นจีมารดา
ของเธอไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ที่ได้ลูกเขยเป็นคนตะวันตก
เมื่อตัดสินใจแต่งงาน ซูจีจึงต้องลาออกจากงานที่ทำาอยู่ คือการเป็น
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบการบริหารและการเงินของสหประชาชาติ การได้เข้า
ทำางานในองค์กรระดับโลกเช่นนี้จึงนับเป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้ามามีส่วนร่วม
และรับทราบถึงปัญหาของประเทศบ้านเกิด โดยในขณะนั้นสหประชาชาติมี
อูถั่น ซึ่งเป็นชาวพม่า ดำารงตำาแหน่งเลขาธิการ
ชีวิตหลังแต่งงาน ซูจีต้องเดินทางตามสามีไปยังประเทศธิเบตและ
ภูฏาน โดยต้องอยู่ทำางานที่ภูฏานนานถึง ๖ ปี เมื่อกลับมาลอนดอน เอริส
ได้กลายเป็นนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านธิเบตศึกษาที่ฉายแววรุ่ง ส่วนซูจีได้ตั้ง
ครรภ์ อเล็กซ์ ลูกชายคนแรก
เมื่อครอบครัวเริ่มเข้าที่เข้าทาง ซูจีจึงหวนคืนสู่แวดวงวิชาการอีกครั้ง
เธอได้รับทุนให้เดินทางมาทำาวิจัยระยะสั้นๆ ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
๑๙๗
