Page 5 - เจ็ดคด พรีวังเวียง
P. 5

เดียวกันคือ ลมแรงมากกกกก แต่ยังดีที่เป็นลมหนาว (แต่ขอเกริ่นไว้ ลมตอนนี้ที่ว่าแรงเราเจอที่แรงกว่านี้อีก

               นะ) เข้าเส้นทางคลองระพีพัฒน์ ก็ยังมีลมด้านข้างให้กลุ่มเราได้โต้เล่นกันคิดเสียว่ามาเล่นเรือใบ หรือวินเซริ์ฟ

               ละกัน ถึงวัดหนองหมูก่อนวิหารแดงรถจักรยานผมมีปัญหาโซ่ตกเมื่อสับมาใช้จานกลาง จึงต้องท าการถอดซ่อม

               กันหน้างานระหว่างสมาชิกพักกินน้ ากัน การซ่อมต้องถอดจานหน้าออกมาดูเลยว่าเกิดจากอะไรตามที่คาดไว้

               คือ ผมใส่จานกลางกลับด้านจากการถอดมาล้างเมื่อวันก่อนการเดินทาง ซึ่งก็เป็นจริงตามคาด ผมใส่กลับด้าน

               จริงๆ ท าให้ฟันของจานกลางมีทิศทางลู่ตามการดึงของโซ่ และจะสังเกตว่าจานกลาง จะมีแนวของจานเยื้องไป

               ด้านข้างนิดหน่อยหากใส่กลับด้านจะท าให้การสับเปลี่ยนจานไม่ลงหรือมีอาการโซ่ตกจากที่เกิดกับผม ซึ่งนี่คือ

               สาเหตุหลักของอุบัติเหตุในช่วงเช้าก่อนเดินทาง ท าให้เสียค่าครูเป็น garmin ราคา 17000 บาท เซ่นสรวง

               ให้กับความสับเพร่าของตัวเอง หลังจากแก้ไขเรียบร้อยทดสอบสับจานและปั่นดู พบว่าปกติดีแล้วจึงออก

               เดินทางต่อ สมาชิกในทีมดีใจมากกับการพักซ่อมรถครั้งนี้เพราะปั่นทวนลมกันมายาวๆ เลย แดดก็เริ่มร้อนด้วย


                       มุ่งหน้าฝ่าลมไปจนถึงวิหารแดงจุดพักทานอาหารเที่ยง เราไปถึงประมาณ 12:30 สั่งอาหารมาทานกัน

               อย่างอิ่มเอมเพราะเกือบ 40 กิโลเมตรที่ปั่นมาผมไม่มีหยุดให้ทุกคนได้หายใจหายคอกันเลยยิงยาวตลอด

               เนื่องจากฟ้าครึ้มอากาศเย็นมีเพียงแต่กระแสลมเท่านั้นที่ไม่ปราณีเราเลยจัดเต็มและหนักหน่วงขึ้นเรื่องๆ

               โหลดอาหารกันเรียบร้อยพักต่ออีก 15 นาทีให้ข้าวเรียงเม็ด จากนั้นออกเดินทางต่อในเส้นทางเดิม ๆ มุ่งสู่เนิน

               สะอาดเส้นทางไปน้ าตกกะอาง กลุ่มเราใช้เส้นทางนี้ตลอดเนื่องจากรถน้อยถนนมีร่มไม้ตลอดทาง แต่จะมีเนิน

               ซึมหลายช่วง และเป็นเส้นทางที่สามารถตรงไปสู้น้ าตกเจ็ดคดได้เลยไม่ต้องเลี้ยวไหน  ?????  “ไม่ต้องเลี้ยว

               ไหน” ความบันเทิงก าลังจะบังเกิด



                       กลุ่มเราปั่นเรื่อย ๆ แวะพักทุก 10 โล ตามข้อก าหนดที่รองนนท์บัญญัติไว้ หากเกินกว่านั้นระบบ

               Pannier Ejection จะท างานทันที กล่าวคือเมื่อถึงระยะที่ต้องพัก 10 โลแล้วหัวลากยังคงดันทุรังปั่นต่อ

               กระเป๋าหลังของท่านรองนนท์จะหลุดออกมาไถลกับพื้นถนนเล่นสร้างเสียงโดยหวลเป็นสัญญาณให้รู้ว่าเช้านาย

               ของชั้นไม่ไหวแล้วเกิน 10 โลแล้ววว อิอิอิ


                       ที่เด็ดในการเดินทางขาไปครั้งนี้ก าลังจะเกิดขึ้นกับค าว่า “ไม่ต้องเลี้ยวไหนเลย” เราปั่นกันมาเรื่อย ๆ

               สภาพถนนเป็นทางลาดยางเพิ่งท าเสร็จเรียบเนียบกริ๊บ เราปั่นผ่านทางแยกต่าง ๆ ที่คุ้นเคย มาถึงแยกหินสีที่ป๋า

               แม็คเคยบอกไว้ว่ามันอ้อมให้ตรงไปเลยถึงเร็วกว่า กลุ่มเราตัดสินใจปั่นตรงไปด้วยหมายมั่นว่าเราจะปั่นไปเจอ

               ทางที่มาบรรจบกันก่อนถึงน้ าตกเจ็ดคด กอล์ฟเริ่มเหนื่อยปั่นตามผมไม่ห่างผลัดกันลากผลัดกันตาม โดยมี

               สมาชิกที่เหลือก็ตามมากห่าง ปั่นไปได้เกือบ 10 โล เริ่มแปลกใจเรียกให้กอล์ฟหยุดรถเอาโทรศัพท์มือถือมาดู

               แผนที่ ปรากฏว่า “ผิดทาง” ข้างหน้าเป็นทางตันรองนนท์ตามมาถึงพอรู้ว่ามาผิดทางถึงกับหน้าถอดสี โมโห
   1   2   3   4   5   6   7   8   9   10