Page 6 - เจ็ดคด พรีวังเวียง
P. 6

เคือง เหนื่อย ถ้อ รวม ๆ กันอยู่ ปั่นย้อนกลับมาแวะถามชาวบ้านเค้าบอกว่าเลยมาแล้ว 6 โล ให้ปั่นกลับไปเจอ

               แยกเล็ก ๆ ให้เลี้ยวเข้าไปมีป้ายบอกว่าไปเจ็ดคด เราเองก็แปลกใจท าไมเราไม่เห็นป้าย ไม่เจอแยกอะไรเลย ปั่น

               กลับมาเจอแยกให้เลี้ยวไปเจ็ดคด มีป้ายบอกไว้จริงๆ ด้วย แต่ขนาดเท่ากับกระดาษ A4 พับครึ่งอะนะ ประกอบ

               กับในช่วงทางเลี้ยวก็เป็นโค้งมีมุมอับเราจึงไม่ได้สังเกต ตรงนี้ต้องหยุดรอ เจ และ กอล์ฟ เพราะ เจ ยารั่ว

               ระหว่างนั่งพักก็ได้กับเจ๊อรเรื่องน้ าตกโกรกอีดกซึ่งเป็นทางที่เราเพิ่งหลงเข้าไปว่าครั้งหน้าเราน่าจะมาปั่นขึ้นไป

               เล่นน้ าตกกัน คุยกันได้สักพัก กอล์ฟ เจ ก็ตามมาสมทบ และเดินทางต่อยังเส้นทางเจ็ดคด สภาพธรรมชาติสอง

               ข้างตามเส้นทางเต็มไปด้วยต้นไม้สลับกับสวนส้มโอของชาวบ้านมีถนนที่เป็นทางลูกรังบ้างเล็กน้อยพอให้ได้ใช้

               ทักษะการทรงตัวบนจักรยาน เกือบถึงน้ าตกเจ็ดคดมองไปข้างหน้าเห็นรถ BMW 520 ป้านแดง รูปลักษณ์โคตร

               หรูค่อยๆคลานมาบนถนนลูกรัง เห็นแล้วสงสารเจ้าของรถสงสัยโดนญาติผู้ใหญ่(อากู๋)แนะน าเส้นทางให้มาแน่ๆ

               BMW ผ่านไปอย่างเชื่องช้าฝากไว้แต่ม่านฝุ่นลูกรังที่เปรียบได้หมอกยามเย็นที่มีสีแดงๆ เราค่อยปั่นประคอง

               จักรยาน จนพ้นเส้นทางลูกรังก่อนถึงทางเข้าเจ็ดคด เราต้องผ่านเนินรับน้องก่อน ทุกคนปั่นกันร่วงหน้าไปก่อน

               เพราะเป็นทางลงสั้น ๆ แต่หารู้ไม่ว่าเมื่อเลยผ่านทางลงไปแล้วเราจะเจอกับเนินรับน้อง หึหึหึ ตาม

               ประสบการณ์อันน้อยนิดของเรา ก็ท าการปรับเกียร์ ลด HR ลง ค่อยปั่น ภาษาจักรยานเค้าเรียกกันว่า “แต่งตัว

               รอ” มาถึงช่วงเนินชันตามที่คะเนน่าจะซักประมาณ 10-15% ระยะ 300 เมตรได้ เราอยู่หลังสุดเพื่อท าหน้าที่

               Support ทีม และจะลองกลยุทธ์การไต่เขา น้ าหนักตัว 80 โล น้ าหนักรถ 12 โล น้ าหนักสัมภาระ 25 โล รวม

               มวลทั้งหมดที่มีและต้องเคลื่อนที่ในแนวเฉียง การใช้เกียร์ รอบขา และการผ่อนแรง ต้องสัมพันธ์กัน ไล่

               กล้ามเนื้อดีๆ เปลี่ยนถ่ายการใช้แรงกล้ามเนื้อ การที่เราปั่นขึ้นเขามีการใช้แรงดังนี้ (ศึกษามาครับ 555 ใช้วิชา

               anatomy ที่ล่ าเรียนมาแต่ไม่เคยได้ใช้)


                       1.  การใช้แรงขากดลูกบันไดอย่างเดียว   กล้ามเนื้อที่ใช้จะเป็นส่วนหน้าขาด้านบน  กล้ามเนื้อหน้า

                          แข้ง กล้ามเนื้อตูดและหลัง

                       2.  การใช้แรงขาดึงลูกบันไดอย่างเดียว(ใส่คลีท)  กล้ามเนื้อที่ใช้จะเป็นส่วนหน้าขาด้านหลัง

                          กล้ามเนื้อน่อง กล้ามเนื้อตูดและหลัง

                       3.  การใช้แรงขากดและดึงลูกบันไดอย่างเดียว(ใส่คลีท)  ใช้กล้ามเนื้อทุกส่วน ตามข้อ 1-2


                       เห็นความแตกต่างมั๊ยครับ แบบที่ 1 จะเป็นแบบที่คนทั่วๆ ใช้กัน คือกดไปเลยไม่ต้องยั้ง ก็ขึ้นได้ครับ

               แต่เป็นการทรมานร่างกายเกินไป กรดแลคติก เกิดแน่นอนรอการเป็นตะคริวได้เลย



                       ส่วนแบบที่ 2 ไม่ค่อยมีคนท ากันเพราะสาเหตุหนึ่งก็คือต้องติดคลีทซึ่ง คลีทเป็นศัตรูตัวฉกาจของ

               มือใหม่ ซึ่งผมรู้ซึ้งดีแล้ว การดึงลูกบันได้ด้วยรองเท้าคลีทให้ผลของแรงน้อยกว่าการกดเพราะต้องใช้กล้ามเนื้อ

               ที่ปกติไม่ค่อยได้ใช้หากจะเพิ่มแรงต้องหมั่นฝึกฝนจะได้แรงดึงใกล้เคียงกับแรงกด
   1   2   3   4   5   6   7   8   9   10   11