Page 17 - ว.ส.สายสังวาลย์ ต.ค.60 ทั้งเล่ม.indd
P. 17
º·¤ÇÒÁ ÊÒä´Õ »¡Ô³¡Ð
“¤ÇÒÁÅѺã¹ËŒÍ§´¹µÃÕä·Â”
µÍ¹ áÁÇ´Ô觾ÊظÒ!
µÍ¹ áÁÇ´Ô觾ÊظÒ!
µÍ¹ áÁÇ´Ô觾ÊظÒ!
µÍ¹ áÁÇ´Ô觾ÊظÒ!
à¢Õ¹â´Â.......
¹ÇÃѵ¹ ¡ÅŒÒ»ÃЧ¤
ถาพูดถึงอาคารในโรงเรียนที่คอนขางเกาแกถึงเกาแกที่สุดในขณะนี้ นาจะเปนอาคาร ๔ ชั้น รงเรียนที่คอนขางเกาแกถึงเกาแกที่สุดในขณะนี้ นาจะเปนอาคาร ๔ ชั้น
ถาพูดถึงอาคารในโ
หลังตนโพธิ์ ซึ่งมีหองเรียนดนตรีไทยอยูที่ชั้น ๓ และหองเรียนนาฏศิลปอยูที่ชั้น ๒ สวนชั้นลางเมื่อกอน
เปนหองเนตรนารี - ยุวกาชาด และหองดนตรีสากล ดานติดถนนก็เคยเปนรานทดลองทําและ
จําหนายเบเกอรี่ของนักเรียนอยูระยะหนึ่ง และสุดทายก็กลายเปนหองประชุม “เอลิซาเบธ”
อันสวยงาม แตชั้น ๒ และชั้น ๓ ก็ยังเปนหองนาฏศิลปและหองดนตรีไทยเหมือนเดิม
เปนเวลา ๓๕ ปเต็มๆ ที่ขาพเจาไดเหยียบยางเขามา ณ ที่นี้ มีเรื่องราวเกิดขึ้น
มากมายหลายอยางใน หองดนตรีไทย นับตั้งแตขาพเจาไดรูจักครูดนตรีไทยรุนเกา
๔-๕ ทาน ซึ่งลวนเปนบุคคลสําคัญในประวัติศาสตร การดนตรีไทยทั้งสิ้น บัดนี้ไมมีครู
เหลานั้นหลงเหลือแลว ทิ้งไวแตความทรงจําที่มีคุณคาตอโรงเรียน และนักเรียนที่เคย
ไดเรียนดนตรีไทย รวมทั้งครูรุนหลังอยางขาพเจาดวย บางครั้งเวลาที่ขาพเจานั่งอยู
คนเดียว ขาพเจาจะจินตนาการถึงเมื่อสมัยกอน แลววาดภาพครูชดชอย ครูฉํ่าและ
ทานอื่นๆ ในอิริยาบถตางๆ ทามกลางความรมเย็นของตนโพธิ์ เวลานั่งอยูบนหองดนตรีไทย
เหมือนกับเรานั่งอยูในตนโพธิ์จริงๆ มีนกแปลกๆ มีกระรอกหลากสีวิ่งไปมา พอถึงชวง
เปลี่ยนฤดูกาลใบโพธิ์ก็จะผลัดใบเปนสีตางๆ เขียวแก เขียวออนเหลือง ใครไมเคย
ขึ้นไปลองไปเยี่ยมนะคะ กอนที่จะติดเครื่องปรับอากาศเสียกอน แลวหองดนตรีไทย
มีความลับอะไรหรือ? คงไมใชเรื่องลับสุดยอดอะไรจริงจังหนักหนาเปนแคเพียงเรื่องที่ ผายผอมจนเห็นซี่โครงเปนริ้วๆ ในขณะที่ขาพเจากําลัง
ขาพเจาไมกลาบอกใครในชวงที่เหตุการณนั้นเกิดขึ้นตางหาก แตเรื่องนี้ เด็กๆ ม.๑ มองดูอยูนั้นก็มีนักเรียนหลายคนมามุงดูกับขาพเจาดวย
ทุกคนมักจะไดฟงเสมอเมื่อเวนวางจากการเรียนดนตรีไทย ความสนใจ แลววิพากษวิจารณกันไปตางๆ นานา ขาพเจาเลย
เรื่องมีอยูวา ณ วันหนึ่งเมื่อไมนานมานี้ (แคประมาณ ๓๐ กวาปที่ผานมา) ตองเบนความสนใจใหกลับมาสูบทเรียนตอ พอหมดเวลา
ขณะที่ขาพเจากําลังสอน ดนตรีไทยในชั้น ม.๑ ทามกลางลมฝนที่พัดผานตนโพธิ์ ขาพเจาก็เดินไปดูลูกแมวเหลานั้นอีกครั้ง ดวยความ
สูหองดนตรีไทยอยางชุมชื้น ในระหวางที่ฝนกําลังตกพรําๆ ขาพเจาและนักเรียน เปนหวง สักครูก็มีเสียงดังมาจากขางหลังขาพเจาวา
ตัวเล็กๆ (เมื่อเทียบกับขาพเจา) ที่นั่งขางหนาตางดานตนโพธิ์ ตางก็ไดยินเสียงเล็กๆ “ครูขาๆ หนูวามันคงหนาวมากเลยนะคะ ตัวมัน
สอดแทรกมากับสายฝน “เมี้ยว เมี้ยว” เมื่อขาพเจาชะโงกหนาออกไปตามที่มาของเสียง สั่นใหญเลย”
มองผานบานเกล็ดหนาตาง ก็ไดเห็นลูกแมวสีดําเล็กๆ อายุราวๆ ๑ เดือน ๓ ตัว “จะ คงจะหนาว เพราะฝนตกตั้งนานแลวนี่”
นั่งซุกตัวรวมกันที่กันสาดดานในสุด ลมพายุพัดสายฝนเลยเขามา ในชายคา ขาพเจาตอบเบาๆ
จนเจาลูกแมวทั้ง ๓ เปยกปอน ในใจขาพเจาก็คิดวา ทําไมแมของมันไมพาลูกเขามา “ครูขา หนูวา..เราชวยแมวขึ้นมาดีไหมคะ” แววตาใสๆ
หลบฝนขางใน หรือพาไปที่อื่นนะ แตก็หยุดคิดทันทีเพราะ เมื่อมองหาไมเห็นวา ดําขลับในรางของเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่ขาพเจา ไดทราบ
จะมีทางไหนที่พอจะใหแมแมวคาบลูกขึ้นมาจากกันสาดได เพราะมีผนังปูนกั้นเปนชวง ภายหลังวาเธอชื่อทิพย แตจําไมไดวาอะไร..ทิพย เพราะมัน
อยูทุกดาน มีทางเดียวก็คือดานบานเกล็ดหนาตางที่แตกแลวถูกถอดออกไป ๑ บาน นานมากสําหรับหญิงชราอยางขาพเจา ทิพยกับเพื่อนอีก
และก็แนนอนวาลูกแมวที่มีขนาดตัวคอนขางโตแลวนั้น การที่จะคาบขึ้นมาคงจะยาก ๒-๓ คน พยายามชวยกันคิดวาจะหาทางชวยลูกแมว
สําหรับแมแมวเปนแน และดูจากสภาพแลวคงจะไมไดกินอะไรเทาไร เพราะแตละตัว เหลานั้นไดอยางไร จนที่สุด ทิพยก็เอยขึ้นวา
17
17
17
วารสารสายสังวาลย
วารสารสายสังวาลย
วารสารสายสังวาลย