Page 11 - ระลึกถึง นพ จอห์น เจ กุยเยอร์ และ อ เบ็ทซี่ กุยเยอร์
P. 11

ปี 1962 สมาคมศิษย์เก่าพยาบาลแมคคอร์มิค ได้มอบเงินจำนวนหนึ่งที่รณรงค์เพื่อจะซื้อเรเดียมสำหรับ
              ฝังในผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก แต่รัฐบาลไม่อนุญาตให้โรงพยาบาลดำเนินการเนื่องจากในตอนนั้น โรงพยาบาล

              ยังไม่มีรังสีแพทย์เต็มเวลาประจำโรงพยาบาล และเราทราบแน่ชัดแล้วว่ารัฐบาลจะตั้งคณะแพทยศาสตร์

              มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เงินที่รณรงค์ได้นี้จึงถูกนำมาใช้ในการสร้างตึกสำหรับผู้ป่วยโรคทรวงอกแทน ซึ่งต่อมา
              เรียกว่า วอร์ด E ตึกใหม่นี้อยู่ทางทิศตะวันตกของ B-1 ตึก E เดิม (ซึ่งตั้งอยู่บริเวณที่เป็นตึกนิวแมนในปัจจุบัน)

              ได้ถูกปรับปรุงและขยายเพื่อใช้เป็นห้องพิเศษผู้ป่วยสูติกรรมและเนิสเซอรี และเรียกว่า C-3
                    ในปี 1963 นายแพทย์บุญชม อารีวงค์ ยื่นใบลาออกและกรรมการอำนวยการได้เชิญ นายแพทย์พิพัฒน์

              ตรังรัฐพิทย์ ซึ่งขณะนี้เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลโอเวอร์บรู๊ค เชียงราย ให้มารับตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาล
              แมคคอร์มิคและในปีนั้นแพทย์รุ่นหนึ่งของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่สำเร็จการศึกษา โรงพยาบาลแมคคอร์มิคได้

              แพทย์อินเทอร์น 6 ท่าน มาร่วมงาน และได้รับแพทย์อินเทอร์นติดต่อกันอีก 4 ปี ในตอนแรก หมออินเทอร์น
              พักอยู่ที่วอร์ด E ต่อมาภายหลังโรงพยาบาลสร้างบ้านขนาด 3 ห้องนอน 2 หลัง เพื่อเป็นที่พักของหมออินเทอร์น

                    ในการกลับไปเยี่ยมบ้านครั้งที่สองของครอบครัวผม ในปี 1963 - 1964 ผมใช้เวลาศึกษาในเรื่องทั่วๆ ไป
              ทางการแพทย์และผมสอบผ่านวุฒิบัตรอายุรกรรม ในปี 1964 - 1965 โรงพยาบาลสร้างตึกกุมารเวช และใช้

              ชื่อเรียกว่าวอร์ด K เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณกานดา วิบูลสันติ ซึ่งเคยเป็นผู้ป่วยของโรงพยาบาล และได้บริจาค

              เงินครึ่งหนึ่งของค่าก่อสร้างตึก ส่วนเงินค่าก่อสร้างอีกครึ่งหนึ่ง ได้รับจากคริสตจักรเพรสไบทีเรียนในสหรัฐ
              อเมริกา และในปีเดียวกันโรงพยาบาลได้ทำการต่อเติมตึกมหิดล จาก 14 ห้อง เป็น 30 ห้อง และแยกเป็น

              สองวอร์ด ก่อนหน้านี้เราเรียกตึกมหิดลว่า D แต่เมื่อเรียกวอร์ด D-1 และ D-2 เสียงจะไปพ้องกับ B-1 และ
              B-2 (ดังนั้นจึงเปลี่ยนมาเรียก M-1 และ M-2 แทน)

                    ศาลาห้องนมัสการถูกรื้อในปี 1969 และห้องครัวเดิมถูกย้ายไปอยู่ชั่วคราวที่ข้างตึก E (แต่ปรากฏว่าห้อง
              ครัวชั่วคราวนี้ใช้ต่อมาถึง 16 ปี) สถานที่ที่เคยเป็นศาลาห้องนมัสการและห้องครัวเดิมถูกใช้สร้างตึกผ่าตัดใหม่

              ซึ่งมีชั้นล่างเป็นหน่วยจ่ายกลาง แผนกกายภาพบำบัด ชั้นสองเป็นห้องผ่าตัดและ I.C.U ในระหว่างการก่อสร้าง

              ได้ทำทางเดินชั่วคราวเชื่อมตึกมหิดลและตึก ณ เชียงใหม่ เมื่อตึกผ่าตัดสร้างเสร็จ ตึกผ่าตัดเดิมถูกรื้อออก
              เพื่อทำทางเดินหน้าตึกผ่าตัด หมอ Harold Hanson เป็นผู้มีบทบาทมากในการออกแบบและเลือกอุปกรณ์

              สำหรับตึกผ่าตัดหลังนี้ พิธีนมัสการมอบถวายตึกหลังนี้มีขึ้นในเดือนมิถุนายน 1970 และไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง
              ครอบครัว Hanson ก็เดินทางจากเชียงใหม่กลับสหรัฐอเมริกา

                    เมื่อห้องผ่าตัดไปอยู่ที่ชั้น 2 ผู้ป่วยศัลยกรรมจึงย้ายมาอยู่ A-2 และ B-2 และผู้ป่วยอายุรกรรม ย้ายมา
              อยู่ A-1 และ B-1

                    ในปี 1971 โรงพยาบาลสร้างตึก Ort หรือที่เรียกตึก O (โอ) โดยในตอนแรกก่อสร้างเพียง 2 ชั้น และต่อมา
              ภายหลังต่อเติมชั้นที่ 3  ตึก Ort นี้ สร้างจากเงินบริจาคของคุณ Lewis Ort เจ้าของโรงงานทำขนมขนาดใหญ่

              ในรัฐ Maryland เพื่อเป็นที่ระลึกถึงคุณแม่  แผนกอายุรกรรมย้ายจาก A-1 และ B-1 ไปอยู่ O-1 ส่วนวอร์ด O-2
              และ O-3 เป็นห้องพิเศษ  A-1 เปลี่ยนมาเป็นวอร์ดนรีเวช และ B-1 เปลี่ยนเป็นวอร์ดศัลยกรรมกระดูกและอุบัติเหตุ

                    ครอบครัวกุยเยอร์ เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเป็นเวลา 3 เดือน ในปี 1966 และ 1968 และกลับไปเยี่ยม

              บ้านเป็นเวลา 1 ปี ในปี 1971 - 1972 ในการไปเยี่ยมบ้านครั้งหลังนี้ผมได้สนใจศึกษาวิชา Hematology และ
              Gastroscopy





                                                                                      ก่อนจะมาถึงเมืองไทย (3) 3/3
                                                                                 จุลสารระลึกถึงนายแพทย์จอห์น เจ กุยเยอร์
                                                                                        และอาจารย์เบ็ทซี กุยเยอร์
   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16