Page 22 - 400ปีกล้องโทรทรรศน์
P. 22
รูปที่ 22
(ก) ภาพร่างกล้องโทรทรรศน์สะท้อนของ
นิวตัน
(ข) แบบจ�าลองกล้องโทรทรรศน์สะท้อนของ
นิวตัน
(ก) (ข)
ต่อมาในปี ค.ศ. 1672 (พ.ศ. 2215) ฟรีนช์แมน ลอเรนต์ แคสซิเกรน (Frenchman Laurent
Cassegrain) เป็นคนที่ 3 ในการออกแบบกล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสง โดยกระจกอันแรก
เป็นรูปพาราโบลาเหมือนกับกระจกของเกรกอรี่ ส่วนกระจกตัวที่ 2 เป็นกระจกนูนรูปไฮเปอร์โบลา
แทนที่จะเป็นกระจกรูปทรงกลมเว้าหนึ่งด้าน คล้ายกับของกล้องโทรทรรศน์เกรกอเรียน แต่เนื่องจาก
ขีดจ�ากัดทางด้านเทคโนโลยีในสมัยนั้น จากการออกแบบของแคสซิเกรน ใช้เวลาเป็นปี
กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนเหล่านี้ยังประสบกับปัญหาเรื่องความผิดปกติของการ
คลาดของทรงกลม เมื่อกล้องโทรทรรศน์ที่ใช้กระจกเป็นรูปทรงกลม รังสีของแสงที่สะท้อนใกล้
ศูนย์กลางของกระจกให้จุดโฟกัสแตกต่างกัน จากรังสีของแสงสะท้อนใกล้ขอบของกระจก จน
กระทั่งผู้เชี่ยวชาญด้านกระจกสามารถท�าการฝนกระจกเป็นรูปทรงอื่นๆ ได้ส�าเร็จ แต่ปัญหาการ
คลาดของทรงกลมยังคงอยู่ และกระจกที่ยึดติดข้างหลังท�าหน้าที่สะท้อนแสงกลับ
การปรับแต่งกล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสงในช่วงต้น
อุปสรรคและปัญหาในการท�ากระจกสะท้อนแสงส�าหรับกล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสง
หยุดไปนานกว่า 40 ปี จนกระทั่งมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านแสงสามารถขัดกระจกได้ส�าเร็จ เขาผู้นั้น
คือ จอห์น แฮดลีย์ (John Hadley) เป็นนักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษที่ฉายแววความฉลาดตั้งแต่
วัยเด็ก และกลายเป็นสมาชิกของราชบัณฑิตยสภา (Royal Society) ตอนเขาอายุได้ 35 ปี ในปี
ค.ศ. 1717 (พ.ศ. 2260) ในช่วงเวลานั้นแฮดลีย์ได้รับความช่วยเหลือจากพี่ชายทั้ง 2 คนของเขา
ที่เริ่มทดสอบจากการบดและขัดโลหะ เขาใช้ Speculum ที่ผสมระหว่างทองแดงและสีเงินที่ใช้
ส�าหรับท�ากระจกมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยในปี ค.ศ. 1721 (พ.ศ. 2264) แฮดลีย์ประสบความ
ส�าเร็จ ในการท�ากล้องโทรทรรศน์แบบนิวโทเนียนที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางของกระจก 6 นิ้ว และมี
ความยาวโฟกัส 62 นิ้ว กล้องโทรทรรศน์ของแฮดลีย์มีล�ากล้องท�าด้วยท่อโลหะ และแฮดลีย์ยังเป็น
คนแรกที่สามารถขัดกระจกรูปพาราโบลาส�าหรับกล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสงแบบเกรกอเรียนได้
ส�าเร็จ ซึ่งกระจกที่น�ามาประกอบกล้องโทรทรรศน์เป็นรูปทรงพาราโบลามีความผิดปกติน้อยมากที่สุด
22 400 ปี วิวัฒนาการกล้องโทรทรรศน์