Page 5 - 2world
P. 5
๕
สถานการณ์ได้ระดับหนึ่งเปรียบเหมือนเช่นอ้อต้องลม สามารถลู่ไปตามลมได้โดยไม่หักโค่น ลักษณะเช่นนี้ก็
๑๙
จะช่วยให้อยู่รอดได้
การนําเอาความคิดในเรื่องความพอประมาณมาเป็นเครื่องมือในการสร้างภูมิคุ้มกันจะทําให้
สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้อย่างมั่นคงและรอบคอบยิ่งขึ้น ดังนั้นความพอประมาณเมื่อนํามาใช้เสริมสร้าง
ภูมิคุ้มกันจึงมีสถานภาพเป็นวิธีคิด (Way of thinking) หมายความว่า เริ่มปฏิบัติตามแนวทางเศรษฐกิจ
พอเพียงด้วยความเข้าใจความหมายของเศรษฐกิจพอเพียงมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากความรู้ที่จะสร้าง
ภูมิคุ้มกันเพื่อความอยู่รอดในระยะยาว และเมื่อแต่ละคนนําเอาความพอประมาณหรือความพอเพียงมา
ปฏิบัติในชีวิตประจําวันควบคู่กับการมีเหตุผลตามคุณธรรมของเศรษฐกิจพอเพียง คือ ความซื่อสัตย์ สุจริต
ขยัน หมั่นเพียร อดทน และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เป็นประจํา ก็จะกลายเป็นวิถีชีวิต (Way of life) ก็จะช่วยให้ชีวิต
อยู่อย่างมีคุณธรรม หรือมีเหตุผลตามแนวทางของคุณธรรมซึ่งเป็นเหตุผลที่ดีที่สุดที่มนุษย์จะพึงมี เพราะเหตุ
จากคุณธรรมจะนําไปสู่ผลแห่งความสุขของมนุษย์เอง ทั้งนี้ การเข้าใจเศรษฐกิจพอเพียงนั้นอาจไม่จําเป็น
จะต้องเริ่มจากการ “ระเบิดจากภายใน” คือ เกิดมีปัญญาที่ถูกกํากับด้วยสติ แล้วนําไปสู่การมีชีวิตที่มี
คุณธรรม ดํารงชีวิตอย่างมีเหตุผล ดําเนินชีวิตด้วยความพอเพียง จนเกิดเป็นภูมิคุ้มกันที่สามารถรับมือกับการ
เปลี่ยนแปลงได้ทุกชนิด แต่อาจจะเป็นการ “ระเบิดจากภายนอก” คือ เห็นอันตรายจากความประมาทหรือ
ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นแล้วคิดหาทางสร้างภูมิคุ้มกันด้วยวิธีคิดที่เข้าใจเรื่องความพอประมาณ และเมื่อปฏิบัติตัว
ด้วยความพอประมาณหรือความพอเพียงจนเป็นวิถีชีวิตแล้วก็จะเป็นชีวิตที่มีคุณธรรมเป็นเหตุ และมีผลเป็น
๒๐
ความสุข
วิกฤตเศรษฐกิจในปี ๒๕๔๐ ได้เปิดเผยให้เห็นว่าการพัฒนากระแสหลักไม่สามารถให้คําตอบกับ
การแก้ไขปัญหาความยากจนของเกษตรกรได้อย่างแท้จริง แนวคิดการพึ่งตนเองในรูปของเศรษฐกิจแบบ
พอเพียงจึงได้ปรากฏขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในสังคมไทย โดยอิงฐานคิดจากวัฒนธรรมชุมชนท้องถิ่น ประกอบ
๒๑
กับหลักศาสนธรรม และเชื่อมโยงกับความรู้ภายนอกภายใต้บริบทของกลุ่มตนเอง เป็นการผสมผสาน
ความรู้ดั้งเดิมเข้ากับความรู้ที่มาจากโลกาภิวัตน์ที่เห็นว่ามีความเหมาะสม ความรู้ที่ใช้ในการจัดการกับ
๒๒
สถานการณ์ต่างๆ จึงมีลักษณะพลวัต ไม่หยุดนิ่ง ที่สําคัญคือ คนที่น้อมนําปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมา
ประยุกต์ใช้ในการดําเนินชีวิตและการหาเลี้ยงชีพ มีความเชื่อว่าแนวคิดนี้มีความน่าเชื่อถือและมีความ
เหมาะสมกับสังคมไทยมากกว่า เพราะสังคมไทยมีรากเหง้าเป็นสังคมเกษตรกรรม ดังนั้นวิถีการผลิตและการ
๒๓
ดํารงชีพตามแนวทางนี้ จะไม่เพียงแต่พออยู่พอกินเท่านั้น หากแต่จะอยู่ดีมีสุขในอนาคตต่อไปได้
ปราชญ์ชาวบ้านที่น้อมนําหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการดําเนินชีวิต
เป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงในภาคปฏิบัติจนเกิดผลสําเร็จให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม จึงเป็นตัวอย่างที่
๑๙
ศ.ดร.อภิชัย พันธเสน และคณะ, “เหลียวหลังเพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงในทศวรรษหน้า
(๒๕๕๖-๒๕๖๕)”, (กรุงเทพมหานคร : บริษัทวิกิ จํากัด, ๒๕๕๕), หน้า ๑๑.
๒๐
เรื่องเดียวกัน, หน้า ๑๔.
๒๑
รัตนา โตสกุล และคณะ, “เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคํา : ภูมิปัญญาในการจัดการความรู้ของชุมชน”,
(ขอนแก่น : หจก. ขอนแก่นการพิมพ์, ๒๕๔๘), หน้า ๑๕๑.
๒๒
เรื่องเดียวกัน, หน้า ๒๓๐.
๒๓
เรื่องเดียวกัน, หน้า ๑๕๐.