Page 19 - แห่งการเรียนรู้ นิทรรศรัตนโกสินทร์
P. 19

แบงค์สยามกัมมาจล ท.จ.ก.



























                       ในสมัยรัชกาลที่ 4 หลังจากไทยเปิดประตูกับประเทศตะวันตกแล้ว ก็มีธนาคารของชาวตะวันตกตาม
               เข้ามาเปิดบริการลูกค้าของตนในกรุงเทพฯ เช่น ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้  ธนาคารชาร์เตอร์ด  ธนาคารอิน

               โดจีน  นอกจากนี้ในปี พ.ศ. 2431 ยังมีชาวอังกฤษคบคิดกันจะตั้ง “แบงก์หลวงกรุงสยาม” ก าหนดทุนจด
               ทะเบียน 1 ล้านปอนด์สเตอริงโดยให้คนไทยซื้อหุ้นได้ไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ ท าท่าว่าจะยึดการคลังของประเทศ

               ด้วยเหตุนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าจ้าอยู่หัว และพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย

               เสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ซึ่งตามเสด็จประพาสยุโรป ดูงานการธนาคารมาเป็นเวลา 9 เดือน จึง
               ทรงด าริตรงกันที่จะตั้งสถาบันการเงินของไทยขึ้นบ้าง



                       แม้จะถูกขัดขวางอยู่มาก แต่ในที่สุดสถาบันการเงินแห่งแรกของคนไทยก็แอบเปิดขึ้นได้ในวันที่ 4
               ตุลาคม พ.ศ. 2447  ในชื่อ  “บุคคลัภย์” ให้มีความหมายเป็น  “Book Club”  มีเงินทุนเพียง 30,000 บาท

               ใช้ตึกแถวของพระคลังข้างที่  ที่บ้านหม้อเป็นส านักงานแห่งแรก หลังจากบุคคลัภย์ขยายตัวทางธุรกิจขึ้นเป็น

               ล าดับ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานอ านาจ
               พิเศษให้จัดตั้ง บริษัท แบงก์สยามกัมมาจล ทุน จ ากัด เพื่อประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์อย่างเป็นทางการ

               ตั้งแต่แต่วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2449


                       บริษัทแบงก์สยามกัมมาจลทุนจ ากัด เปิดด าเนินการในอาคารที่ท าการของบุคคลัภย์เดิม ที่ต าบลบ้าน

               หม้อ ในปี พ.ศ. 2449 โดยมีพระสรรพการหิรัญกิจเป็นผู้จัดการฝ่ายในประเทศ และนาย เอฟ คิเลียน ตัวแทนผู้
               ถือหุ้นชาวต่างประเทศสัญชาติเยอรมันเป็นผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศ ในการเปิดด าเนินกิจการธนาคารขึ้นนี้

               คณะผู้จัดตั้งได้ขอพระราชทานตราอาร์มแผ่นดินมาเป็นตราประจ าธนาคารมาตั้งแต่ต้น


                       การด าเนินธุรกิจนั้น แบงก์สยามกัมมาจลมีการรับฝากเงินตามปกติทั่วไปของธนาคารพาณิชย์ แต่ที่

               พิเศษได้แก่การเสนอให้ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 2 ต่อปีแก่ลูกค้าที่มีเงินเหลือในบัญชีเดินสะพัด นับว่าลูกค้าจะ

               ได้ประโยชน์จากเงินของตนที่เหลือจากการหักบัญชีด้วยเช็คอย่างเต็มที่ บริการด้านนี้ได้สร้างความนิยมในหมู่



                                                          9-18
   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24