Page 782 - บทคดยอการทดลองสนสด 58 สมบรณ_Neat
P. 782
รายงานผลการทดลองสิ้นสุด ปี 2558
1. ชุดโครงการวิจัย วิจัยและพัฒนาพืชไร่น้ำมันอื่นๆ (งา, ทานตะวัน, สบู่ดำ)
2. โครงการวิจัย วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและการเพิ่มมูลค่าผลผลิตงา
3. ชื่อการทดลอง การปรับปรุงพันธุ์งาทนแล้ง : การเปรียบเทียบพันธุ์ในไร่เกษตรกร
Farm Trial : Drought Tolerance Sesame Varietal Improvement
1/
4. คณะผู้ดำเนินงาน สมใจ โควสุรัตน์ นัฐภัทร์ คำหล้า 2/
อานนท์ มลิพันธ์ ธำรง เชื้อกิตติศักดิ์ 1/
3/
จุไรรัตน์ หวังเป็น สาคร รจนัย 1/
1/
สมหมาย วังทอง จำลอง กกรัมย์ 1/
1/
5. บทคัดย่อ
คัดเลือกสายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูง จำนวน 4 สายพันธุ์ จากการเปรียบเทียบพันธุ์ในท้องถิ่น ได้แก่
สายพันธุ์ SD-50-6-2 SD-50-8-2 SD-50-9-1 และ SD-50-17-1 นำมาเปรียบเทียบพันธุ์ในไร่เกษตรกร
3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดนครสวรรค์ และ จังหวัดลพบุรี และดำเนินการใน 2 ปี คือ
2557 ในต้นฤดูฝน รวม 3 แปลงทดลอง และปี 2558 ต้นและปลายฤดูฝน รวม 6 แปลงทดลอง ผลการ
ทดลองพบว่า ข้อมูลไม่เป็นเอกภาพ (heterogeneity) ไม่สามารถวิเคราะห์ความแปรปรวนรวมทั้งหมดได้
เนื่องจากความแปรปรวนแต่ละแปลงทดลองค่อนข้างสูง จากสภาพอากาศที่แปรปรวน และการระบาด
ของโรคไหม้ดำ และเน่าดำ ที่สายพันธุ์งาทนแล้งไม่ทนทานต่อโรค จึงมีต้นตายมาก โดยเฉพาะที่ จังหวัด
อุบลราชธานี ทำให้ผลผลิตงาต่ำมาก ในขณะที่ พันธุ์รับรองงาแดงอุบลราชธานี 1 และงาดำอุบลราชธานี
3 มีแนวโน้มจะทนทานต่อโรคได้ดีกว่า ให้ผลผลิตมากกว่าซึ่งค่าเฉลี่ยผลผลิตของแต่ละสายพันธุ์ ปี 2557
สายพันธุ์ทนแล้ง SD-50-8-2 ให้ค่าเฉลี่ยผลผลิตมากสุดเท่ากับ 116 กิโลกรัมต่อไร่ รองลงไป คือ SD-50-6-2
ผลผลิตเฉลี่ย 96 กิโลกรัมต่อไร่ ในขณะที่พันธุ์รับรองงาแดงอุบลราชธานี 1 ผลผลิต 121 กิโลกรัมต่อไร่
ส่วนปี 2558 ให้ผลการทดลองในทำนองเดียวกัน สายพันธุ์ทนแล้ง SD-50-8-2 ผลผลิตมากสุดเท่ากับ
110 กิโลกรัมต่อไร่ รองลงไป คือ SD-50-6-2 ผลผลิตเฉลี่ย 96 กิโลกรัมต่อไร่ ในขณะที่พันธุ์รับรองงาแดง
อุบลราชธานี 1 ผลผลิตมากกว่า เท่ากับ 131 กิโลกรัมต่อไร่ และงาดำอุบลราชธานี 3 ได้ 101 กิโลกรัมต่อไร่
ซึ่งจะเห็นได้ว่าการเปรียบเทียบในไร่เกษตรกรทั้ง 2 ปี งาแดงพันธุ์อุบลราชธานี 1 ได้ผลผลิตมากกว่า
สายพันธุ์ทนแล้งทุกพันธุ์ และมีเพียง 1 สายพันธุ์ทนแล้ง คือ สายพันธุ์ SD-50-8-2 ที่ให้ผลผลิตเฉลี่ยมากกว่า
งาดำพันธุ์อุบลราชธานี 3
6. การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์
สายพันธุ์งาทนแล้งที่ได้สามารถใช้เป็นแหล่งพันธุกรรมสำหรับการปรับปรุงพันธุ์งาต่อไป
____________________________________________
1/ ศูนย์วิจัยพืชไร่อุบลราชธานี
2/ ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์
3/ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรลพบุรี
715