Page 47 - วารสาร สช มค-มีค 61(new)
P. 47
พฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน
โรงพยาบาลลานสกา อ�าเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช ง�นวิจัย
นครศรีธรรมราช จ�านวน 1,508 คน ค�านวณขนาด คือน�าคะแนนของผู้ตอบแบบสอบถามแต่ละคนรวม
กลุ่มตัวอย่างโดยใช้สูตรของ Yamane (1967) ได้ กันแล้ว เมื่อให้คะแนนครบทุกข้อแล้วมีเกณฑ์การคิด
ขนาดกลุ่มตัวอย่าง จ�านวน 317 คน และใช้วิธีการสุ่ม คะแนนพฤติกรรมการสร้างเสริมสุขภาพ โดยน�า
อย่างง่ายโดยการจับสลาก คะแนนสูงสุดลบด้วยคะแนนต�่าสุดแล้วหารด้วยจ�านวน
ชั้นแล้วน�ามาแปลผลคะแนนดังต่อไปนี้
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย/รวบรวมข้อมูล
ผู้วิจัยใช้แบบสัมภาษณ์เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวม คะแนนเฉลี่ย 3.25 – 4.00 หมายถึง
ข้อมูล โดยการประยุกต์มาจากแบบสัมภาษณ์ของ พฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวานอยู่ใน
(3)
ศรียา วัฒนพาหุ และผู้วิจัยได้ปรับปรุง โดยศึกษา ระดับดี
จากต�ารา เอกสาร วารสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง สร้าง คะแนนเฉลี่ย 2.50 – 3.24 หมายถึง
แบบสัมภาษณ์ โดยใช้ค�าถามของการวิจัย วัตถุประสงค์ พฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวานอยู่ใน
ของการวิจัย และกรอบแนวคิดของการวิจัยครั้งนี้เป็นก ระดับปานกลาง
รอบในการสร้างเครื่องมือ หาความเที่ยงตรงของเนื้อหา
(Content validity) โดยผู้ทรงคุณวุฒิจ�านวน 3 ท่าน คะแนนเฉลี่ย 1.75 – 2.49 หมายถึง
เป็นผู้ตรวจสอบความตรงของเนื้อหา หลังจากผ่านการ พฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวานอยู่ใน
พิจารณาของผู้ทรงคุณวุฒิแล้ว ผู้ศึกษาน�าแบบ ระดับต้องปรับปรุง
สัมภาษณ์มาปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องและมีความเหมาะ คะแนนเฉลี่ย 1.00 – 1.74 หมายถึง
สม น�าแบบสัมภาษณ์ไปทดลองสัมภาษณ์ (Try out พฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวานอยู่ใน
Interview) กับผู้ป่วยโรคเบาหวานจ�านวน 30 คน เพื่อ ระดับไม่ดี
ทดสอบความเชื่อมั่นของแบบสัมภาษณ์โดยใช้สูตรสัม วิธีการเก็บข้อมูล ข้อมูลปฐมภูมิเก็บข้อมูล
ประสิทธิแอลฟ่า (Coefficient) ของครอนบัค จากการสัมภาษณ์ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่บ้าน ข้อมูล
(Cronbach) ได้ค่าเท่ากับ 0.89 ทุติยภูมิเก็บข้อมูลโรคประจ�าตัวผู้ป่วยจากแบบบันทึก
แบบสัมภาษณ์แบ่งออก 3 ส่วน คือข้อมูล ประวัติการรักษาพยาบาล (OPD CARD) ของผู้ป่วย
ทั่วไป ข้อมูลด้านพฤติกรรมการดูแลตนเอง 5 ด้าน เบาหวานที่มารับบริการที่โรงพยาบาล
(การควบคุมอาหาร การออกก�าลังกาย การใช้ยาและ
การติดตามการรักษา สุขภาพอนามัยด้านจิตใจ และ การวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไป ใช้ความถี่ร้อยละ
การป้องกันและแก้ไขภาวะแทรกซ้อน) และข้อมูลด้าน ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน พฤติกรรมการ
ปัญหาและอุปสรรคในการท�าพฤติกรรมดูแลตนเอง ดูแลตนเองจ�าแนกตามรายข้อ รายด้าน และโดยรวม
ของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ใช้ค่าเฉลี่ย ทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรม
การดูแลตนเอง 5 ด้าน ต่อระดับน�้าตาลในเลือด
การแปลผลคะแนน พฤติกรรมการดูแล ของผู้ป่วยเบาหวาน ใช้สถิติ Chi – square Test
ตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวาน แบ่งเป็น 4 ระดับ คือ และ Fisher’s Exact Test ก�าหนดระดับนัยส�าคัญ
ดี ปานกลาง ต้องปรับปรุง และไม่ดี การคิดคะแนน ทางสถิติ 0.05
เพื่อแบ่งระดับพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบา
หวาน รายข้อ รายด้านและภาพรวม ใช้เกณฑ์เดียวกัน
45
วารสารสุขภาพภาคประชาชน