Page 52 - วารสาร สช มค-มีค 61(new)
P. 52
พฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน
ง�นวิจัย โรงพยาบาลลานสกา อ�าเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช
สม�่าเสมอ การรักษาระดับน�้าตาลในเลือดจึงจะอยู่ในระดับปกติ สอดคล้องกับการศึกษาของอมรรัตน์ ภิรมย์
(5)
ชมและอนงค์ หาญสกุล ที่พบว่าผู้ป่วยเบาหวานคิกว่าการออกก�าลังกายนั้นคือภาระงานที่ท�าอยู่ประจ�า
ประกอบกับส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ มีข้อจ�ากัดเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อและกระดูก จึงเป็นอุปสรรค
ในการออกก�าลังกาย
4. พฤติกรรมกำรดูแลตนเองเกี่ยวกับกำรใช้ยำและติดตำมกำรรักษำ
ผู้ป่วยเบาหวานส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการดูแลตนเองเกี่ยวกับการใช้ยาและติดตามการรักษา อยู่ใน
ระดับดี ร้อยละ 78.1 และยังมีพฤติกรรมทีไม่ถูกต้องในส่วนรายละเอียด เช่น ไม่ได้แสวงหาความรู้ในการดูแล
ตนเองเกี่ยวกับโรคเบาหวาน สอดคล้องกับการศึกษาของอมรรัตน์ ภิรมย์ชมและอนงค์ หาญสกุล ที่พบว่า
(5)
ความรู้เกี่ยวกับเรื่องโรคเบาหวาน มีความสัมพันธ์ทางบวกกับการดูแลสุขภาพตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวาน
ยังมีพฤติกรรมไม่งดอาหารและน�้าหลังเที่ยงคืนก่อนมาเจาะเลือดหาระดับน�้าตาลเป็นประจ�า ซึ่งส่งผลให้ระดับ
น�้าตาลในเลือดสูง และมีปัญหาเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคต่างๆ ตามมา มีการรับประทานยา ด้วยตนเอง เป็น
2 เท่า ในมื้อถัดไป เมื่อลืมกินยาเบาหวาน ซึ่งยังขาดหลักวิชาการรองรับ และเมื่อมีอาการดีขึ้นหยุดกินยาเอง
โดยไม่ปรึกษาแพทย์ซึ่งจะท�าให้มีภาวะเสี่ยงต่อผู้ป่วยเบาหวานได้ ผู้ป่วยยังรับประทานยาสมุนไพร เช่น ยาต้ม
ยาหม้อ ยาลูกกลอน จากการได้รับสื่อโฆษณาด้านต่างๆ เกี่ยวกับการใช้ยาสมุนไพร และขาดการแนะน�าจาก
ผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ พฤติกรรมการดูแลตนเองเกี่ยวกับการใช้ยาและติดตามการรักษา ที่กล่าวมาข้าง
ต้น ต้องมีการปรับปรุงเพื่อที่จะท�าให้ระดับน�้าตาลในเลือดอยู่ในระดับปกติ
5. พฤติกรรมกำรดูแลตนเองเกี่ยวกับสุขภำพอนำมัยด้ำนจิตใจ
ผู้ป่วยเบาหวานส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการดูแลตนเองเกี่ยวกับสุขภาพอนามัยทางด้านจิตใจ อยู่ในระดับ
ดีเพียง ร้อยละ15.9 ผู้ป่วยยังไม่มีการปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับโรคที่เป็นอยู่เพื่อผ่อนคลายความเครียดกับเจ้า
หน้าที่สาธารณสุข สอดคล้องกับการศึกษาของณิชานาฏ สอนภักดี ที่พบว่า การให้ข้อมูลข่าวสารสามารถ
(6)
เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้านความรู้ และการปฏิบัติในการดูแลสุขภาพที่ดีขึ้นอธิบายได้ การได้รับข่าวสารเกี่ยว
กับโรคเบาหวาน จากสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเอกสาร ค�าแนะน�าจากเจ้าหน้าที่ สื่อมวลชน วิทยุ โทรทัศน์
หนังสือพิมพ์ เป็นต้น เป็นการเพิ่มพูนความรู้ ให้แก่ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือข่าวสารเรื่องโรคเบาหวานกลาย
เป็นสิ่งกระตุ้น และสนับสนุนให้สามารถตัดสินใจปรับเปลี่ยนการปฏิบัติในการดูแลสุขภาพตนเองให้ถูกต้องได้
การขาดการผ่อนคลายจากการไปเที่ยวหรือพักผ่อนตากอากาศนอกสถานที่ ผู้ป่วยไม่ยอมรับเกี่ยวกับโรคที่เป็น
อยู่ ส่วนหนึ่งยังไม่ค่อยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มสังคมเนื่องมาจากสภาพร่างกายไม่เอื้ออ�านวยในการท�ากิจกรรม
พฤติกรรมอนามัยด้านจิตใจที่กล่าวมาจะต้องมีการปรับปรุงให้ผู้ป่วยมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นจะท�าให้ส่งผลระดับ
น�้าตาลในเลือดลดลงได้
6. พฤติกรรมกำรดูแลตนเองเกี่ยวกับกำรแก้ไขและป้องกันภำวะแทรกซ้อน
ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการดูแลตนเองเกี่ยวกับการแก้ไขและป้องกันภาวะแทรกซ้อน อยู่ในระดับ
ดีเพียง ร้อยละ 9.7 ผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังไม่ได้พบแพทย์เพื่อตรวจความผิดปกติของไต ไม่ได้มีการตรวจสายตาทุก
6 เดือนจากจักษุแพทย์ ไม่พกลูกอมหรือน�้าตาลติดตัวไว้ป้องกันการหมดสติจากน�้าตาลในเลือดต�่า ไม่ได้บอก
แพทย์เพื่อตรวจหาระดับไขมันในเลือด ไม่ได้มีการช่วยเหลือตนเองเมื่อมีอาการเหงื่อออก ใจสั่น เป็นลม โดย
การกินอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน�้าตาล และไม่ได้บอกญาติให้ทราบถึงอาการน�้าตาลในเลือดสูงหรือต�่าและ
วิธีการช่วยเหลือผู้ป่วยว่าจะ ท�าอย่างไรกรณีฉุกเฉิน สอดคล้องกับการศึกษาของวราลี วงศ์ศรีชา และ
(12.)
อรสา กงตาล ซึ่งพฤติกรรมต่างๆ ที่กล่าวมาจะต้องมีการปรับปรุงต่อไป
50
วารสารสุขภาพภาคประชาชน