Page 53 - วารสาร สช มค-มีค 61(new)
P. 53
พฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน
โรงพยาบาลลานสกา อ�าเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช ง�นวิจัย
7. ระดับพฤติกรรมกำรดูแลตนเองภำพรวม
ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีปัญหาในเรื่องพฤติกรรมการดูแลตนเองในเรื่องการออกก�าลังกายมากที่สุด มีอยู่ใน
ระดับต้องปรับปรุง ค่าเฉลี่ย 2.22 สอดคล้องกับการศึกษาของอมรรัตน์ ภิรมย์ชมและอนงค์ หาญสกุล และ
(5)
(13)
กุสุมา กังหลี เนื่องมาจากผู้ป่วยเบาหวานมีอายุมากเมื่อออกก�าลังกายแล้วท�าให้เหนื่อย ผู้ป่วยบางท่านต้อง
เลี้ยงหลานต้องประกอบอาชีพค้าขายและเกษตรกร ท�าให้ไม่มีเวลาในการออกก�าลังกาย รองลงมาผู้ป่วยส่วน
ใหญ่มีปัญหาในเรื่องพฤติกรรมการดูแลตนเองในเรื่องการป้องกันแก้ไขภาวะแทรกซ้อน มีค่าเฉลี่ย 2.48 อยู่ใน
ระดับต้องปรับปรุง เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องการป้องกันแก้ไขภาวะแทรกซ้อน
ของโรคเบาหวานเพาะฉะนั้นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขต้องให้ค�าแนะน�าและปรึกษาในเรื่องความรู้แก่ผู้ป่วยเบาหวาน
ให้มากกว่านี้
ข้อเสนอแนะ
1. ควรมีการติดตามเยี่ยมบ้านผู้ป่วยโรคเบาหวานอย่างต่อเนื่อง เน้นการสเริมพลังเพื่อให้ค�าแนะน�า
ในการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งในการดูแลตนเองไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้หายจากโรค หากแต่เป็นการ
ดูแลตนเองเพื่อควบคุมโรคโดยการควบคุมระดับน�้าตาลให้อยู่ในระดับใกล้เคียงปกติ และส่งเสริมการป้องกัน
ตลอดจนแก้ไขภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน
2. ควรมีการจัดตั้งกลุ่มออกก�าลังกายที่เหมาะสมกับโรคและกลุ่มอายุของผู้ป่วย การออกก�าลังกาย
อย่างสม�่าเสมอจะช่วยให้ระดับน�้าตาลในเลือดลดลง นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้น ควบคุมน�้าหนัก
ตัวได้ดีขึ้น ระบบไหลเวียนของเลือดที่ส่วนปลายดีขึ้น การออกก�าลังกายที่เหมาะสม จะต้องพิจารณาตามสภาพ
ของผู้ป่วยแต่ละคน ส�าหรับผู้ป่วยสูงอายุหรือผู้ที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือด โดยทั่วไปแนะน�าให้ผู้ป่วยออกก�าลัง
กายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 4 วัน ให้มีเวลาไม่น้อยกว่า 15 นาที และให้เป็นกิจกรรมชนิดแอโรบิก เช่น การเดิน
เร็วๆ หรือขี่จักรยาน การออกก�าลังกายจะต้องเริ่มจากน้อยแล้วค่อยๆเพิ่มขึ้น โดยจะต้องท�าอย่างสม�่าเสมอ
และต่อเนื่อง
3. พบว่าถึงแม้ผู้ป่วยจะมีพฤติกรรมการใช้ยาและติดตามการรักษาในระดับดี แต่ไม่ส่งผลให้ระดับ
น�้าตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติได้ ผู้ป่วยจ�าเป็นต้องอาศัยพฤติกรรมการดูแลตนเองการดูแลตนเองให้สมดุล
ทั้ง 5 ด้าน จึงจะท�าให้ระดับน�้าตาลในเลือดปกติได้ ผลการวิจัยที่ได้สามารถน�าไปรับปรุงระบบการให้ค�าปรึกษา
และแนะน�าในการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวานอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ข้อเสนอแนะในกำรศึกษำวิจัยครั้งต่อไป
1.ในการวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษา ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการดูแลตนเองกับระดับน�้าตาลใน
เลือดของผู้ป่วยเบาหวาน ระดับพื้นที่ของโรงพยาบาลลานสกา ควรขยายผลการศึกษาในระดับอ�าเภอระดับ
จังหวัด
2.ในการวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษา ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการดูแลตนเองกับระดับน�้าตาลใน
เลือดของผู้ป่วยเบาหวานซึ่งอาจน�าไปประยุกต์ใช้ศึกษาวิจัยในโรคเรื้อรังอื่นๆ
3.การศึกษาวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษา ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการดูแลตนเองกับระดับน�้าตาล
ในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน ควรมีการศึกษาด้านการรับรู้ ทัศนคติ และทักษะการดูแลรายบุคคลมุ่งเน้น
การรอบรู้ (Health Literacy) เรื่องโรคเบาหวานของผู้ป่วยร่วมด้วยในการศึกษาวิจัยครั้งต่อไป
51
วารสารสุขภาพภาคประชาชน