Page 51 - วารสาร สช มค-มีค 61(new)
P. 51
พฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน
โรงพยาบาลลานสกา อ�าเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช ง�นวิจัย
ผู้ป่วยเบาหวานมีปัญหาและอุปสรรคต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองเกี่ยวกับการควบคุมอาหาร ร้อยละ
39.1 การออกก�าลังกาย ร้อยละ 70.3 การใช้ยาและติดตามการรักษา ร้อยละ 21.9 สุขภาพอนามัยด้านจิตใจ
ร้อยละ 60.9 และการป้องกันภาวะแทรกซ้อน ร้อยละ 57.8
อภิปรำยผลและสรุป (Discussion and Conclusion)
1. ข้อมูลทั่วไป
ผู้ป่วยเบาหวาน เป็นเพศหญิง ร้อยละ 71.9 กลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป ร้อยละ 45.4 อายุเฉลี่ย 59.55 ปี
ศาสนาพุทธ ร้อยละ 100.0 อาชีพเกษตรกรรม ร้อยละ 54.6 การศึกษาระดับประถมศึกษา ร้อยละ 71.9
( 4 )
สถานภาพสมรสคู่ ร้อยละ 71.9 สอดคล้องกับการศึกษาของนิภาพร ปูนอน และอมรรัตน์ ภิรมย์ชม และ
คณะ พบว่าส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง สอดคล้องกับการศึกษาของดุษฎี พวงสุมาลย์ และปราโมทย์ วงศ์สวัสดิ์
(5)
(11) มีสถานภาพสมรสคู่ จบเพียงชั้นประถมศึกษา มีอายุระหว่าง 40-60 ปี มีรายได้ต่อเดือนในช่วง 1,001 –
3,000 บาท ร้อยละ 48.3 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 3,357.81 บาท รายได้เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ร้อยละ 56.5
ระยะเวลาของการป่วยด้วยโรคเบาหวานเฉลี่ยอยู่ในช่วงน้อยกว่า 6 ปี ร้อยละ 60.9 ระยะเวลาของการเจ็บป่วย
เฉลี่ย 5.03 มีโรคประจ�าตัว ร้อยละ 64.1 มีโรคแทรกซ้อน ร้อยละ 25.0 ค่าดัชนีมวลกายสูงกว่ากว่าเกณฑ์
มาตรฐาน ร้อยละ 49.8 ค่าระดับน�้าตาลในเลือดสูง (มากกว่า 140 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์) ร้อยละ 42.3
2. พฤติกรรมกำรดูแลตนเองเกี่ยวกับกำรควบคุมอำหำร
ผู้ป่วยเบาหวานส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการ ดูแลตนเองเกี่ยวกับการควบคุมอาหาร อยู่ในระดับปาน
กลาง ร้อยละ 2.87 สอดคล้องกับการศึกษาของทัศนีย์ เทอดจิตไพศาล และคณะ ผู้ป่วยมีพฤติกรรมในการ
(10)
รับประทานส้ม กล้วยน�้าว้า มากกว่า 1 ผล การรับประทานแตงโม ฝรั่ง มะละกอ มากกว่า 6 - 8 ค�า การรับ
ประทานอาหารที่มีไขมันมาก เช่น ปลาทอด ไข่ทอด ไก่ทอด เนื้อหมูติดมัน ข้าวผัด ก๋วยเตี๋ยวผัด การกินอาหาร
ทะเล เช่น กุ้งปลาหมึก หอยแครง หอยแมลงภู่ ซึ่งเป็นอาหารทะเลที่มีโคเลสเตอรอลสูง ซึ่งพฤติกรรมการดูแล
ตนเองเกี่ยวกับการควบคุมอาหารการรับประทานอาหารทั้งหลายที่กล่าวมา ผู้ป่วยรับประทานเกินปริมาณย่อม
ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของระดับน�้าตาลในเลือดผู้ป่วยเบาหวานควรรับประทานอาหารที่มีเส้นใยเมื่อรับประทาน
อาหารที่มีเส้นใยเข้าไปพร้อมน�้าตาลกว่าน�้าตาลจะดูดซึมเส้นใยจะจับน�้าตาลไว้ก่อนแต่ไม่ได้จับไว้ตลอดจะปล่อย
คืนให้ช้าๆ เพราะฉะนั้นน�้าตาลในเลือดจะขึ้นช้าๆ ตับอ่อนไม่ต้องท�างานหนักมาก เมื่อน�้าตาลขึ้นช้าอินซูลินก็
จะหลั่งช้าๆ เซลล์ไม่ต้องท�างานหนักมากและการเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคต่างๆ ก็จะลดลง
3. ระดับพฤติกรรมกำรดูแลตนเองเกี่ยวกับกำรออกก�ำลังกำย
ผู้ป่วยเบาหวานส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการดูแลตนเองเกี่ยวกับการออกก�าลังกาย อยู่ในระดับดี เพียง
ร้อยละ 12.7 สอดคล้องกับการศึกษาของทัศนีย์ เทอดจิตไพศาล และคณะ ผู้ป่วยมีพฤติกรรมเวลาออก
(10)
ก�าลังกายไม่ได้สังเกตอาการผิดปกติ เช่น หน้ามืดตาลาย ใจสั่นคล้ายจะเป็นลม ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ป่วยมีระดับ
น�้าตาลในเลือดต�่าขณะที่ออกก�าลังกาย เป็นลม และอาจเสียชีวิตได้ ก่อนออกก�าลังกายไม่มีการวอร์ม ไม่ได้
ออกก�าลังกาย เช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะๆ ปั่นจักรยาน ไม่ได้ออกก�าลังกายอย่างสม�่าเสมอทุกวันหรืออย่างน้อย
สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 15 – 20 นาที และไม่ได้ได้บริหารมือ และเท้าเป็นพิเศษ เช่นหมุนข้อมือ ข้อเท้า ไม่
ได้สวมรองเท้าทุกครั้งขณะออกก�าลังกาย และในการออกก�าลังกายไม่ได้เลือกให้เหมาะสมกับเพศ วัย และ
ความชอบของตนเอง ซึ่งพฤติกรรมเกี่ยวกับการไม่ออกก�าลังกายที่กล่าว จัดว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่
ถูกต้องส�าหรับทุกคนและโดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวานต้องส่งเสริมพฤติกรรมออกก�าลังกายอย่าง
49
วารสารสุขภาพภาคประชาชน