Page 228 - Channels and Distribution Management
P. 228

   218 การจััดการช่่องทางการจััดจัําหน่่ายและการกระจัายสิิน่ค้้า 218
  การผลิตของธุรกิจที่สามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างเต็มที่และดําเนินการได้เต็มอัตรากําลังการผลิตทําให้ มีต้นทุนรวมลดลง ยอดขายและผลกําไรเพิ่มขึ้น
2) การลงทุนเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการผลิต สภาพแวดล้อมทางการตลาดใน ปัจจุบันมีความผันผวนและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ส่งผลให้ความต้องการของตลาดมีความไม่แน่นอน ธุรกิจจึงจําเป็นต้องมีความสามารถในการปรับตัว โดยผลิตสินค้าที่มียอดขายต่ําควบคู่กับการผลิต สินค้าที่มียอดขายสูง เพื่อให้สามารถรักษากําลังการผลิตเต็มที่ได้อย่างต่อเนื่อง การลงทุนในการผลิตที่ เกินกําลังการผลิตปกติและการมีความหลากหลายของสินค้าที่สามารถผลิตในสายการผลิตเดียวกัน จะช่วยให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของตลาด
ตัวอย่างเช่น หากธุรกิจสามารถผลิตเครื่องดื่มชาเขียวได้ 500,000 ขวดต่อวัน และมี ความต้องการลดลงเหลือเพียง 200,000 ขวดต่อวัน การผลิตจะไม่สามารถรักษากําลังการผลิตเต็มที่ ได้ ส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นและกําไรลดลง ดังนั้น การมีสินค้าทางเลือกอื่นๆ ที่สามารถผลิตได้ใน สายการผลิตเดียวกันจะช่วยลดผลกระทบนี้และเพิ่มความยืดหยุ่นในการดําเนินงาน
3) กระบวนการผลิตที่มีมาตรฐาน เป็นหนึ่งในปัจจัยสําคัญของการจัดการห่วงโซ่ อุปทานด้านการผลิตคือการรักษามาตรฐานในกระบวนการผลิต เพื่อให้สินค้าที่ออกสู่ตลาดมี ความน่าเชื่อถือและคุณภาพสูง ซึ่งไม่เพียงส่งมอบประสบการณ์เชิงบวกและตอบสนองความคาดหวัง ของลูกค้า แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการห่วงโซ่อุปทานโดยรวม การรักษามาตรฐานใน กระบวนการผลิตช่วยลดข้อผิดพลาด ทําให้สามารถผลิตสินค้าได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว นอกจากนี้ การผลิตที่มีมาตรฐานยังช่วยลดการสูญเสียวัตถุดิบและวัสดุ ซึ่งส่งผลต่อการประหยัดต้นทุนและ ทรัพยากรของธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
4) วิเคราะห์กําลังการผลิต เป็นการวิเคราะห์กําลังการผลิตเป็นองค์ประกอบสําคัญ ของการวางแผนและการจัดการการปฏิบัติงาน ความเข้าใจในระดับผลผลิตสูงสุดที่ธุรกิจสามารถผลิต ได้ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับความสามารถในการผลิตให้สอดคล้องกับการคาดการณ์ความต้องการของ ลูกค้า โดยไม่ใช้ทรัพยากรมากเกินไปหรือน้อยเกินไป
นอกจากนี้ การวิเคราะห์กําลังการผลิตยังสามารถช่วยระบุและแก้ปัญหาคอขวดหรือ ข้อจํากัดที่อาจเกิดขึ้น ช่วยให้ธุรกิจสามารถดําเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อเพิ่มกําลังการผลิตหรือปรับปรุง ประสิทธิภาพได้ เช่น การจัดสรรทรัพยากร การจัดหาพนักงาน หรือการจัดซื้ออุปกรณ์ที่จําเป็น การวิเคราะห์กําลังการผลิตที่มีประสิทธิภาพจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและผลกําไรสูงสุดให้กับธุรกิจ
2. การประหยัดต่อขนาดในการผลิต (Economies of Scale in Production)
การประหยัดต่อขนาดในการผลิตเป็นความได้เปรียบด้านต้นทุนที่ธุรกิจสามารถได้รับ จากการเพิ่มการผลิตและลดต้นทุนต่อหน่วย ยิ่งผลิตในปริมาณมากเท่าใด ต้นทุนต่อหน่วยก็จะลดลง


























































































   226   227   228   229   230