Page 10 - test
P. 10
5
รูปธรรมของรางจืดยังมีอีกมาก เช่น สามารถแก้อาการท้องร่วง อาการแพ้ ผื่นคันเนื่องจากอาหารเป็น
พิษ รางจืดที่ใช้ในการขจัดสารพิษและแก้เมาค้างนั้น คือ รางจืดเถา ชนิดดอกสีม่วงเพราะมีโอสถสาร
ที่รากและใบแรงกว่ารางจืดชนิดอื่น วิธีใช้ก็คือ จะใช้อย่างสดหรืออย่างแห้งก็ได้ อย่างสดก็เด็ดใบ
รางจืดมา 4-5 ใบ โขลกต าผสมน้ าหรือน้ าซาวข้าวยิ่งดี แล้วคั้นเอาน้ าดื่ม หรือจะใช้ รางจืดแห้ง
300 กรัม (3 ขีด) ต่อน้ า 1ลิตร และให้ดื่มน้ ารางจืด 200 cc. ทุก 2 ช.ม. แต่หากท่านใดสนใจ
จะชงดื่มเป็นชา มีวิธีชงดังนี้ น าใบรางจืดแห้ง 1 หยิบมือ ชงกับน้ าเดือด 1 กาเล็ก (ใส่น้ าประมาณ
8 แก้ว) ดื่มต่างน้ าทั้งวันชงดื่มได้ทุกวันโดยไม่มีอันตรายใดๆ นอกจากจะท าให้น้ าตาลในเลือดลดลง
บ้างเล็กน้อย ส่วนการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์นั้น มีการศึกษาครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ทดลองในหนูขาวให้หนูได้รับพิษโฟลิดอล ซึ่งเป็นยาฆ่าแมลงชนิดหนึ่ง อยู่ในกลุ่มออร์กาโนฟอตเฟตก็
พบว่าใบรางจืดสามารถลดอัตราการตายของหนูจากพิษโฟลิดอลได้ดีพอควรแม้ยังไม่รู้ถึงกลไกการ
แก้พิษร้ายนี้ก็ตาม และเมื่อราว ๖-๗ ปีก่อนมีความพยายามแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรที่ได้รับสารพิษ
ทางการเกษตร จ าพวกยาฆ่าปราบศัตรูพืชต่างๆโดยโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช จ.สุพรรณบุรี ได้
ท ากาศึกษา โดยเก็บ ข้อมูลเบื้องต้นในการใช้รางจืดรักษาผู้ป่วยที่ได้รับพิษจากยาฆ่าหญ้า คือ "พา
ราควอท"(ชื่อการค้ากรัมม็อกโซน) ที่โฆษณาว่าปราบหญ้าเก่งนัก ซึ่งก็เท่ากับอันตรายสุดๆ ด้วย ก่อน
การทดลองเมื่อดูข้อมูลย้อนหลังไป ๓ ปี พบว่าผู้ป่วยที่ได้รับพาราควอทแล้วมาโรงพยาบาลมีแต่หลับ
ไม่ตื่น ฟื้นไม่มีแม้ว่าจะท าการักษาตามขั้นตอนของการแก้พิษ ให้ทั้งยาขับปัสสาวะ ยาถ่าย ท าให้
อาเจียนและล้างท้องก็ยังไม่รอด แต่หลังจากใช้รางจืดรักษาควบคู่กับวิธีของทางโรงพยาบาล พบ
ความอัศจรรย์ว่า ผู้ป่วยรอดชีวิตร้อยละ ๕๑ ดีกว่าแต่ก่อนครึ่งต่อครึ่ง สรรพคุณที่ฮิตที่สุดของรางจืด
ในปัจจุบันเห็นทีจะไม่พ้นการเมาค้าง หรือดื่มหนัก (ไม่ขับ) วิธีใช้ว่ากันตามแบบฉบับคลาสสิก ใช้ได้
ทั้งการกินสดๆ และแห้ง คือ เอาใบสด ๔-๕ ใบ ใส่ครกต าผสมน้ าถ้าได้น้ าซาวข้าวยิ่งดี แล้วคั้นเอาน้ า
ดื่ม หรือจะใช้ส่วนที่เป็นราก และเถารางจืดสดต าคั้นก็ได้ส่วนวิธีแห้ง ซึ่งเป็นที่นิยมในเวลานี้ คือ การ
น าใบแห้งมาชงกับน้ าดื่ม เหมือนชงชาจีนนั่นแหละ ส่วนความเข้มของยาแล้วแต่จะชงอ่อนชงแก่
(http://www.samunpri.com/modules.php?name=News&file=article&sid=188 25 กันยายน 2552)