Page 103 - หนังสือเรียน ภาษาไทย พท.21001
P. 103

ห น า  | 103



                         ในการเริ่มตนของการเขียนอะไรก็ตาม  ผูเขียนจะเขียนไมออกถาไมตั้งเปาหมายในการเขียน
                  ไวลวงหนาวาจะเขียนอะไร เขียนทําไมเพราะการเขียนเรื่อยเปอย ไมทําใหงานเขียนนาอานและทําให

                  งานชิ้นนั้นไมมีคุณคาที่ควร งานเขียนที่มีคุณคาคืองานเขียนที่เขียนอยางมีจุดหมาย มีขอมูลที่นาเชื่อถือ

                  และอางอิงไดซึ่งเกิดจากการขยันหมั่นคนควาขอมูลโดยเฉพาะในยุคขอมูลขาวสารไรพรมแดนดังเชน
                  ในปจจุบันการมีขอมูลยอมทําใหเปนผูที่ไดเปรียบผูอื่นเปนอันมาก  เพราะยุคปจจุบันเปนยุคแหงการ

                  แขงขันกันในทุกทางโดยเฉพาะในทางเศรษฐกิจ  ใครมีขอมูลมากจะเปนผูไดเปรียบคูแขงขันอื่นๆ

                  เพราะการนําขอมูลมาใชประโยชนไดเร็วกวานั่นเอง  การหมั่นแสวงหาความรูเพื่อสะสมขอมูลตางๆ

                  ใหตัวเองมากๆ จึงเปนความไดเปรียบ และควรกระทําใหเปนนิสัยติดตัวไป เพราะการกระทําใดๆ ถา
                  ทําบอยๆ ทําเปนประจําในวันหนึ่งก็จะกลายเปนนิสัยและความเคยชินที่ตองทําตอไป

                         การคนควารวบรวมขอมูลเปนกิจกรรมที่จะทําใหเกิดความสนุกสนานทางวิชาการเพราะยิ่ง

                  คนควาก็จะยิ่งทําสิ่งที่นาสนใจมากขึ้นผูที่ฝกตนใหเปนผูใครรูใครเรียน  ชอบแสวงหาความรูจะมี
                  ความสุขมากเมื่อไดศึกษาคนควาและไดพบสิ่งแปลกๆใหมๆในภาษาไทยหรือในความรูแขนงอื่นๆ

                  บางคนเมื่อคนควาแลวจะรวบรวมไวอยางเปนระบบ ซึ่งจะใหประโยชนหลายประการดังตอไปนี้

                         1.  เปนการสนองความอยากรูอยากเห็น  ใครรูใครเรียนของตนเอง  กลาวคือการเรียนในชั้น
                  เรียน      ผูเรียนจะรับรูหรือทราบกฎเกณฑที่สําคัญและการยกตัวอยางเพียงเล็กนอย

                  ผูเรียนอาจไมเขาใจแจมแจงชัดเจนพอการศึกษาคนควาเพิ่มเติมจะทําใหไดขอมูลที่สนใจมากขึ้น ทําให

                  เกิดความเขาใจเนื้อหาที่เรียนไดแจมชัดขึ้น
                         2.  เปนการสะสมความรูใหเพิ่มพูนยิ่งขึ้น  ในขณะที่ผูเรียนอานหรือทําการบรรยายเพื่อหา

                  ความรูแมจะชัดเจนดีแลวแตเพื่อใหไดรับความรูกวางขวางขึ้นจึงศึกษาคนควาเพิ่มเติมแลวเก็บ

                  รวบรวมสะสมความรูไว

                         3.  คนควารวบรวมเพื่อใชอางอิงในการจัดทํารายงานการคนควาทางวิชาการ
                  การอางอิงความรูในรายงานทางวิชาการ  จะทําใหงานนั้นมีคุณคาเชื่อถือยิ่งขึ้นเปนการแสดง

                  ความสามารถ ความรอบรูและความอุตสาหะวิริยะของผูจัดทํารายงานนั้น การคนควาเพื่อการอางอิงนี้

                  ผูเรียนจะคนควาจากแหลงวิชาการตางๆ  ยิ่งคนก็ยิ่งพบสรรพวิทยาการตางๆทําใหเกิดความสุข

                  สนุกสนานเพราะไดพบเนื้อหาที่นาสนใจเพิ่มขึ้นทุกที่ๆ
                         4.  ใชความรูที่ไดคนควารวบรวมไวสําหรับประกอบในการพูดและเขียน  การรวบรวมมี

                  ประโยชนเพื่อประกอบการพูดและการเขียนใหมีน้ําหนักนาเชื่อถือยิ่งขึ้น เชน เมื่อจะกลาวถึงการพูดก็

                  อาจยกคําประพันธที่แสดงแงคิดเกี่ยวกับการพูดขึ้นประกอบดวยเชน


                         ถึงบางพูดพูดดีเปนศรีศักดิ์         มีคนรักรสถอยอรอยจิต

                  แมพูดชั่วตัวตายทําลายมิตร                 จะชอบผิดในมนุษยเพราะพูดจา
   98   99   100   101   102   103   104   105   106   107   108