Page 119 - ตามรอยพระศาสดา
P. 119
118
เมื่อพระพุทธเจ้าเสวยพระกระยาหารเสร็จ ทรงอนุโมทนาแล้ว
อนาถบิณฑิกะ ก็ทูลเชิญพระพุทธเจ้าให้เสด็จไปยังกรุงสาวัตถี โดยพระพุทธเจ้า
ตรัสว่า ท่านคหบดี ตถาคตเจ้าทั้งหลายนั้นยินดีในที่สงบเงียบ
ท่านอนาถบิณฑิกะก็ทูลว่าเข้าใจแล้วพระเจ้าข้า แล้วก็เดินทาง
ล่วงหน้าไปก่อน ในระหว่างเดินทางไปนั้นทุกระยะทาง ๑ โยชน์ ได้สั่งคนให้
จัดสร้างศาลาที่พักรวมทั้งอาหาร สิ้นเงินแห่งละประมาณ ๑ แสนกหาปณะ
เพื่อต้อนรับพระพุทธเจ้าไปจนถึงกรุงสาวัตถี ระยะทางทั้งหมด ๕๔ โยชน์
คิดเป็นระยะทางปัจจุบันประมาณ ๗๘๔ กิโลเมตร
เมื่อไปถึงแล้วก็แสวงหาที่สงบเงียบ จนได้พบสวนของเจ้าเชตก็ขอซื้อ
เป็นสวนที่เหมาะมาก อยู่ทางด้านทิศใต้ของเมืองสาวัตถีประมาณ ๑
กิโลเมตร เป็นสวนใหญ่ทีเดียว เจ้าเชตนั้นเป็นราชกุมารองค์หนึ่ง เจ้าเชต
ไม่ยอมขาย แต่บอกว่าถ้าเอาทองมาปูพื้นที่ให้หมดนี้จะขายให้ คือไม่คิด
ว่าอนาถบิณฑิกะจะสามารถซื้อได้ อนาถบิณฑิกะก็ยอมตกลงซื้อ ได้ขนเอา
ทองใส่เกวียนมาปูพื้นที่ เจ้าเชตเห็นว่าสถานที่นี้คงจะถูกซื้อหมดแน่นอน จึง
บอกว่าที่ซุ้มประตูนี้ข้าพเจ้าจะบริจาคเอง
อนาถบิณฑิกะสร้างวัดเชตวัน ซื้อที่ดินหมดเงินไป ๑๘ โกฏิ เมื่อซื้อ
แล้วท่านก็สร้างกุฏิ ศาลา โรงฉัน พระคันธกุฎี เวจกุฎี และอื่นๆ หมดเงิน
ไป ๑๘ โกฏิ แล้วท่านฉลองวัดหมดเงินค่าฉลองไปอีก ๑๘ โกฏิ ตกลงว่า
อนาถบิณฑิกะ สร้างวัดนี้รวมทั้งท�าบุญด้วยหมดเงินไป ๕๔ โกฏิ เท่า ๕๔๐ ล้าน
กหาปณะ
อนาถบิณฑิกะบ�ารุงพุทธศาสนามาก ท่านมีบุตรชายหนึ่งคนชื่อ กาละ
บุตรสาว ๓ คน บุตรชายของท่านได้ส�าเร็จเป็นพระโสดาบัน บุตรสาวคน
ที่หนึ่งชื่อ นางมหาสุภัททา บุตรสาวคนที่สองชื่อ นางจุลสุภัททา ทั้งสอง
ตามรอยพระศาสดา

