Page 118 - ตามรอยพระศาสดา
P. 118

117


               กระมัง จึงถามพี่เขยเศรษฐีนั้นว่าจัดงานอะไร

                     เศรษฐีนั้นบอกว่า วันพรุ่งนี้พระพุทธเจ้าจะเสด็จมา เรานิมนต์

               พระพุทธเจ้าเสด็จมาเสวยพระกระยาหารที่บ้านในวันรุ่งขึ้น

                     อนาถบิณฑิกะ พอได้ยินค�าว่าพระพุทธเจ้าเท่านั้น ก็รู้สึกตื่นเต้น
               เบิกบานอย่างบอกไม่ถูก อยากจะพบพระพุทธเจ้าเป็นก�าลัง คืออยากจะไป
               เฝ้าพระพุทธเจ้าในคืนนั้นทีเดียว เศรษฐีพี่เขยบอกว่าอย่าเพิ่งไปเลยตอนนี้

               ค่อยพบพระพุทธเจ้าตอนเช้าดีกว่า พระองค์จะเสด็จมาหรือมิฉะนั้นก็ให้
               สว่างก่อนแล้วค่อยไป

                     อนาถบิณฑิกะนอนคืนนั้นตื่นถึง ๓ ครั้ง อยากจะไปเฝ้าพระพุทธเจ้า

               พอตื่นขึ้นใกล้รุ่งแล้ว อดทนไม่ไหวก็เดินไปคนเดียวเพื่อไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
               ออกเดินไปตามถนนในเมืองในคืนเดือนมืด กล่าวตามคัมภีร์ว่ามียักษ์

               ตนหนึ่ง ซึ่งมีความหวังดีต่อท่านอนาถบิณฑิกะ ได้ให้ก�าลังใจอนาถบิณฑิกะ
               นั้นว่า “ท่านสุทัตตะ เชิญเข้ามา”

                     ท่านอนาถบิณฑิกะปลื้มใจมาก เพราะพระพุทธเจ้าเรียกชื่อจริง

               ตนเองถูก ทั้งๆ ที่ชื่อนี้คนก็ไม่ค่อยเรียกกัน คนมักจะเรียกชื่อว่า อนาถ
               บิณฑิกะ แปลว่า ผู้ให้ทานแก่คนที่ยากจนอนาถา แต่ชื่อเดิมของท่าน
               จริงๆ ชื่อ สุทัตตะ เมื่ออนาถบิณฑิกะเข้ามาเฝ้าได้กราบพระพุทธองค์แล้ว

               นั่งลง พระพุทธเจ้าก็ทรงแสดงธรรม โดยทรงแสดงอนุปุพพิกถา พรรณนา
               เรื่องทาน เรื่องศีล เรื่องสวรรค์ เรื่องโทษของกาม และอานิสงส์การออกบวช

               แล้วจบลงด้วยอริยสัจ ๔ ท่านอนาถบิณฑิกะฟังแล้ว ในที่สุดก็ส�าเร็จเป็น
               พระโสดาบัน  คนที่ส�าเร็จเป็นพระโสดาบันแล้วจะมีความมั่นคงใน
               พุทธศาสนามาก ดังนั้นในวันรุ่งขึ้น ท่านจึงทูลนิมนต์พระพุทธเจ้าให้ไป

               เสวยพระกระยาหารที่บ้านเศรษฐีพี่เขยของตน



                                        ตามรอยพระศาสดา
   113   114   115   116   117   118   119   120   121   122   123