Page 113 - ตามรอยพระศาสดา
P. 113
112
มีเทวดาองค์หนึ่งเข้าสู่ส�านักพระศาสนา ณ ราตรีหนึ่ง ทูลว่า
“พระนันทะได้ส�าเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว” พระพุทธเจ้าทรงทราบแล้วด้วย
ญาณ สมจริงตามที่เทวดาทูล
รุ่งเช้าพระนันทะเข้าเฝ้าถวายนมัสการแล้วทูลว่า “กิจอันใดที่
พระพุทธองค์ทรงพระกรุณารับจะช่วยสงเคราะห์นั้น เป็นอันไม่ต้องสงเคราะห์
อีกต่อไป”
พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า “ตถาคตทราบแล้วทางเจโตปริยญาณ
(รู้ใจผู้อื่น) ว่าท่านท�าให้แจ้งซึ่งวิมุตติธรรมแต่คืนนี้แล้ว” แล้วทรงออกอุทานว่า
เปือกตม คือ กามคุณ ผู้ใดข้ามเสียได้ และย�่ายีท�าลายเสียซึ่งหนาม คือ
กองกิเลส ผู้นั้นเป็นสุข”
วันหนึ่งภิกษุเพื่อน ๆ ถามพระนันทะว่า “ท่านเคยกล่าวว่ามีจิต
กระสันเป็นทุกข์ บัดนี้เป็นอย่างไรบ้าง”
พระนันทะตอบว่า “บัดนี้จิตอาตมามิได้อาลัยในเรื่องฆราวาสแล้ว”
ภิกษุเพื่อน ๆ ซึ่งยังมิได้เป็นอริยบุคคล กล่าวติเตียนว่า
“พระนันทะนี้วาจาไม่จริง วันก่อนกล่าวอย่างหนึ่ง วันนี้กล่าวอีก
อย่างหนึ่ง” แล้วน�าเรื่องนี้ขึ้นฟ้องพระศาสดา
พระพุทธเจ้าตรัสแก่ภิกษุเหล่านั้นว่า
“ภิกษุทั้งหลาย วันก่อนอัตภาพแห่งนันทะภิกษุ เหมือนเรือนอัน
มุงหลังคาไม่ดี (รั่ว) บัดนี้อัตภาพแห่งนันทะภิกษุ เหมือนเรือนหลังคาดีแล้ว
(ไม่รั่ว) นันทะภิกษุพยายามถึงที่สุดแห่งบรรพชิตกิจ บัดนี้บรรลุแล้ว”
ทรงอธิบายต่อไปว่า ธรรมดาเรือนที่มีหลังคาไม่ดี ฝนตก น�้าไหล
เข้าไปได้ฉันใด จิตของบุคคลมิได้เจริญสมาธิภาวนา ราคาทิกิเลส ก็เข้า
ตามรอยพระศาสดา

