Page 139 - ตามรอยพระศาสดา
P. 139

138


               เมื่อได้เห็นพระรูปและได้ฟังพระธรรมเทศนาแล้วก็มีพระทัยศรัทธา

          โสมนัส  มีพระด�าริว่าพระพุทธานุภาพนี้เป็นที่อัศจรรย์อย่างยิ่ง  บุคคลผู้ใด
          มิได้บ�าเพ็ญทานรักษาศีล มิได้สมาทานอุโบสถ (คือการรับเอาศีลมาปฏิบัติ)
          แลมิได้กระท�าบุญกุศล บ�าเพ็ญบารมีต่าง ๆ ก็มิอาจตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญู

          ได้ ถ้ากระนั้นเราควรจะตัดซึ่งบ่วง  คือ ฆราวาส  ละจากหมู่ญาติ มิได้อาลัย
          ในโภคสมบัติ แล้วออกบรรพชาในพระศาสนาจะดีกว่า

               เมื่อเจ้าชายอชิตราชกุมารมีพระด�าริเช่นนั้นแล้ว ก็ทูลลาพระเจ้า

          อชาตศัตรู ซึ่งกลับพระทัยมานับถือพระพุทธศาสนาแล้ว ก็ทรงอนุญาต
          ด้วยความยินดี เจ้าชายอชิตราชกุมารจึงพาบริวาร ๑,๐๐๐ คนออกบวช
          ได้เล่าเรียนจนสามารถแสดงธรรม รู้พระไตรปิฎก แม้จะได้ชื่อว่าเป็น

          พระนวกะ แต่ก็เป็นผู้ทรงความรู้องค์หนึ่ง ซึ่งพระมหาปชาบดีโคตรมีไม่น่าจะ
          เสียพระทัย

               ในครั้งนั้นพระบรมศาสดาทอดพระเนตรเห็นพระมาตุจฉาเสียพระทัย

          ทรงพระโทมนัส  จึงทรงพระด�าริว่าพระองค์สมควรกระท�าให้ พระมหา
          ปชาบดี บังเกิดโสมนัสในวัตถุทาน จึงตรัสเรียกพระอานนท์ มาสั่งว่า

               “ดูกรอานนท์  ท่านจงไปน�าเอาบาตรของตถาคตมา”

               เมื่อพระอานนท์น�าบาตรมาถวาย ทรงรับบาตรมาแล้วทรงกระท�า

          พุทธาธิษฐานว่า

               “พระสาวกทั้งปวงจงอย่าได้ถือเอาบาตรนี้ได้เลย ให้พระอชิต
          ภิกษุหนุ่มถือบาตรของตถาคตได้แต่เพียงผู้เดียว”

               เมื่อทรงอธิษฐานเช่นนั้นแล้ว ก็ทรงทิ้งบาตรขึ้นไปบนอากาศ แล

          บาตรนั้นก็ลอยขึ้นไปในกลีบเมฆแล้วหายไป




                                  ตามรอยพระศาสดา
   134   135   136   137   138   139   140   141   142   143   144