Page 14 - คมองานบรหาร_Neat
P. 14
10
4. ความพยายามที่จะปรับปรุงโครงสร้างการบริหารของต ารวจ เพื่อกระจายการให้บริการ และการ
วางแผนระดับชุมชนให้ดีมากยิ่งขึ้น
หลักการส าคัญของต ารวจผู้รับใช้ชุมชน ประกอบด้วยหัวข้อใหญ่ ๆ 2 ข้อคือ
1) ต ารวจเป็นหุ้นส่วนกับประชาชน เกาะติดพื้นที่อย่างทั่วถึง
2) ต ารวจน าชุมชนและหน่วยงานอื่นแก้ต้นเหตุอาชญากรรม หรือความไม่เป็นระเบียบของชุมชน
หน่วยงานอื่นก็เริ่มน าหลักการยุติธรรมสมานฉันท์ (Restorative Justice Community Justice) เป็นต้น มาใช้
ในชุมชน ซึ่งล้วนแล้วแต่สอดรับหรือเป็นแนวทางเดียวกันกับต ารวจผู้รับใช้ชุมชนทั้งสิ้น หรือหลักการต ารวจ
ผู้รับใช้ชุมชนนี้ยังสอดรับกับแนวคิดชุมชนเข้มแข็ง หรือพลังแผ่นดินต่อต้านยาเสพติด หรือแม้กระทั่งแนวทาง
เศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งทุกแนวคิดมีวัตถุประสงค์ให้ครอบครัว ชุมชน มีความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ ดังนั้น
ต ารวจก็สามารถที่จะใช้เครือข่ายเหล่านี้เป็นฐานในการท างานต ารวจผู้รับใช้ชุมชนได้ด้วย
ทฤษฎีสามเหลี่ยมอาชญากรรม (Crime Tringle Theory)
เป็นการอธิบายถึงเหตุหรือองค์ประกอบของการเกิดอาชญากรรม ประกอบด้วยด้านต่าง ๆ
ของสามเหลี่ยม 3 ด้าน คือ
1. ผู้กระท าผิด/คนร้าย (Offender) หมายถึงผู้ที่มีความต้องการ (Desire) จะก่อเหตุหรือลงมือกระท า
ความผิด
2. เหยื่อ (Victim) /เป้าหมาย (Target) หมายถึง บุคคล สถานที่ หรือวัตถุสิ่งของ ที่ผู้กระท าผิดหรือ
คนร้ายมุ่งหมายกระท าต่อ หรือเป็นเป้าหมายที่ต้องการ
3. โอกาส (Opportunity) หมายถึง ช่วงเวลา (Time) และสถานที่ (Place) ที่เหมาะสมที่ผู้กระท าผิด
หรือคนร้าย มีความสามารถจะลงมือกระท าความผิดหรือก่ออาชญากรรม เมื่อเหตุหรือสถานการณ์ครบ 3 ด้าน
ดังกล่าวข้างต้น จะท าให้เกิดอาชญากรรมขึ้น ทฤษฎีดังกล่าวได้เสนอแนวคิดในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรม
หรือการป้องกันไม่ให้เกิดอาชญากรรม โดยต้องพยายามท าอย่างไรก็ตามที่จะให้องค์ประกอบของสามเหลี่ยม
อาชญากรรมด้านใดด้านหนึ่งหายไปก็จะท าให้อาชญากรรมไม่เกิดขึ้น ดังนั้นในการปฏิบัติงานของต ารวจแต่ละ
พื้นที่ควรน าแนวคิดของทฤษฎีดังกล่าวมาใช้ในการป้องกันอาชญากรรมเชิงรุกตามยุทธศาสตร์ของส านักงาน
ต ารวจแห่งชาติ กล่าวคือ ต้องพยายามท าให้องค์ประกอบการเกิดอาชญากรรมด้านใดด้านหนึ่งของสามเหลี่ยม
หายไป โดยมีวิธีการในการด าเนินการดังต่อไปนี้
1. ด้านผู้กระท าผิดหรือคนร้าย (Offender)
ต้องพยายามลดหรือควบคุมจ านวนผู้กระท าผิดหรือคนร้ายในพื้นที่ที่รับผิดชอบ โดยมุ่งเน้น
ใช้ทฤษฎีบังคับใช้กฎหมาย เช่น การเฝ้าระวังบุคคลพ้นโทษที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่ การก าหนดมาตราการควบคุม
แหล่งอบายมุขหรือสถานบริการที่จะเป็นแหล่งเพาะอาชญากรรม การระดมกวาดล้างอาชญากรรมอย่าง
สม่ าเสมอ การจับกุมผู้กระท าผิดความผิดตามหมายจับ การสืบสวนหาข่าวเกี่ยวกับแหล่งซ่องสุมของผู้กระท า
ความผิดหรือคนร้าย มาตรการตีวงสุรา การปิดล้อมตรวจค้น การไประงับเหตุอย่างรวดเร็วของสายตรวจ