Page 292 - Luang Anusarn Sunthornkit
P. 292

 288 20-11-2017
แสงนอ้ ยลงเทคโนโลยใี นชว่ งเวลานพ้ี ฒั นาอยา่ งรวดเรว็ เนอื่ งจากการถา่ ยภาพในทางหนง่ึ แพรห่ ลายจนกลายเปน็ อตุ สาหกรรม ทใ่ี หญโ่ ต และจากการคน้ คดิ ประดษิ ฐก์ ลอ้ งและฟลิ ม์ ทา ใหก้ ารถา่ ยภาพสะดวกขนึ้ การถา่ ยภาพไดข้ ยายตวั อยา่ งกวา้ งขวางจาก ความเอาจริงเอาจังในการถ่ายภาพ และงานอดิเรกของเช้ือพระวงศ์และขุนนางคนช้ันสูงไปสู่สามัญชนคนสนใจท่ัวไป
๓๔ ปีต่อมาเราข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกจากลอนดอน เกาะอังกฤษท่ีซ่ึง มิสเตอร์อาเชอร์ประดิษฐ์ ระบบบันทึก แสงแบบกระจกเปียก Wet Plate ไปประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มลรัฐนิวยอร์ค ในปีค.ศ.๑๘๘๕ (พ.ศ.๒๔๒๘)Mr.George Eastman (ค.ศ.๑๘๕๔–๑๙๓๒) คิดค้นฟิล์มข้ึนครั้งแรก แม้ว่าในช่วงแรกฟิล์มของมิสเตอร์อิสท์แมนจะเป็นการเคลือบสาร ไวแสงไวบ้ นกระดาษซงึ่ ตา่ งจากฟลิ ม์ ทเ่ี รารจู้ กั กนั ซงึ่ ใชเ้ ซลลลู อยด์ Celluloid เปน็ วสั ดหุ ลกั ในการจบั สารไวแสงอยา่ งทเี่ รารจู้ กั กัน นอกจากฟิล์มแล้วมิสเตอร์อิสท์แมนยังได้ประดิษฐ์กล้องสาหรับช่างภาพมือสมัครเล่นซ่ึงเมื่อถ่ายภาพเสร็จแล้วสามารถ ส่งให้ห้องภาพล้างฟิล์ม และพิมพ์ลงบนกระดาษได้อย่างสะดวกสบาย ช่างภาพสมัครเล่นไม่ต้องล้างฟิล์มเอง ซึ่งบริษัท อีสท์ แมน โกดัก (Eastman Kodak) ของมิสเตอร์อีสท์แมนได้เป็นบริษัทแรกท่ีผลิตฟิล์มและอุปกรณ์ถ่ายภาพ ทาให้การถ่ายภาพ ง่ายสะดวกได้รับความนิยมไปท่ัวโลกเหมือนกับสโลแกนโฆษณาท่ีว่า “เพียงกดปุ่ม(ถ่ายภาพ) เราจะทาที่เหลือ”
นอกจากฟิล์มที่เล็กลงแล้วกล้องซ่ึงเป็นกล่องไม้ขนาดใหญ่เทอะทะซ่ึงที่ทาหน้าที่เป็นกล่องมืดเพ่ือนาแสงไปบนฟิล์มถูก พัฒนาให้มีขนาดเล็กลงเร่ือยๆ ช่างภาพสามารถพกพาไปถ่ายภาพสะดวกข้ึน เม่ือฟิล์มภาพยนตร์ถูกพัฒนาขึ้นมาในทวีป อเมริกาเหนือ ไม่นานกล้องขนาดเล็กท่ีใช้ฟิล์มภาพยนตร์ที่ม้วนลงในกลักถูกประดิษฐ์ข้ึนในเวลาไม่นาน เราข้ามมหาสมุทร แอตแลนติกกลับไปท่ียุโรปอีกคร้ังในประเทศเยอรมนี ท่ีเมืองเว็ทซ์ล่า (Wetzlar) ในปีค.ศ.๑๙๑๓ (Oskar Barnack, ๑๘๗๙–๑๙๓๖) ออสก้า บาร์นัค ช่างภาพ วิศวกรและนักประดิษฐ์ชาวเยอรมันได้สร้างกล้องไลก้า (Leica) ซึ่งเป็นกล้อง ขนาดเล็กพกพาสะดวก และใช้ฟิล์มกลักขนาด ๒๔x๓๖ ซ่ึงกล้องไลก้านี้ถูกผลิตข้ึนอย่างจริงจังแบบอุตสาหกรรมในปี ๑๙๒๕ หรอื สบิ ปใี หห้ ลงั นบั จากกลอ้ งไลกา้ ของบารน์ คั การถา่ ยภาพสมยั ใหมจ่ งึ เกดิ ขน้ึ บรษิ ทั ตา่ ง ๆ จากหลายประเทศไดพ้ ฒั นากลอ้ ง แบบใหม่ๆข้ึนมาอย่างหลากหลายนาการถา่ยภาพสู่สามญัชนท้ังชา่งภาพอาชีพและชา่งภาพสมคัรเลน่ทวั่โลกจนกล้องถา่ย ภาพเป็นอุปกรณ์สามัญที่มีอยู่ในบ้านพอๆ กับเตารีด หม้อหุงข้าว หรือตู้เย็น
เม่ือโลกล่วงเข้าสู่ปลายศตวรรษที่ ๒๐ กล้องระบบดิจิตอลซ่ึงไม่ได้ใช้สารไวแสงในการบันทึกแสง และเคมีในกระบวนการ สรา้ งภาพอกี ตอ่ ไปถกู พฒั นาขน้ึ ในราวปี ค.ศ. ๑๙๗๕ มสิ เตอรส์ ตเี วน ซาสสนั (Steven Sasson, ๑๙๕๐ – ปจั จบุ นั ) วศิ วกร ของบริษัทอีสท์แมน โกดัก ได้ค้นคิดแผงวงจร CCD ขึ้นโดยพัฒนามาจากชิพของบริษัทFairchild Semiconductor ท่ีคิดค้น ข้ึนมาในปี ๑๙๗๓ กล้องถ่ายภาพระบบดิจิตอลได้ผลิตขึ้นสาหรับใช้โดยช่างภาพอาชีพและสมัครเล่นในปี ๑๙๘๘ โดยบริษัท ฟูจิ (Fuji lm Holdings Corporation) ประเทศญี่ปุ่น และการกาเนิดขึ้นของกล้องดิจิตอลได้เปลี่ยนโฉมหน้าของเทคโนโลยี ภาพถ่ายไปอย่างส้ินเชิง กล้องถ่ายภาพระบบอนาล็อค และการบันทึกแสงด้วยสารเคมีไวแสงและเคมีได้ถูกแทนท่ีเกือบจะสิ้น เชิง
“เวลา” ที่ใช้ในการบันทึกแสงและกระบวนการสร้างภาพได้หดส้ันลงจากเดิม ๘ชั่วโมง ลดลงจนเหลือเป็นหน่วยนาที





























































































   290   291   292   293   294